ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

โครงการธรรมะสู่คนพิการ นำหลักธรรม-ฟื้นฟูกำลังใจ

วันที่ลงข่าว: 18/06/13

เมื่อเร็วๆ นี้ กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับคณะสงฆ์ กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน และหน่วยงานต่างๆ จัดงานแถลงข่าว "ปาฏิหาริย์แห่งพระธรรม...อัศจรรย์ธรรมสัญจร" ภายใต้โครงการธรรมะสู่คนพิการ ประจำปีงบประมาณ 2556 ณ ห้องประชุมชั้น 12 อาคารธนาลงกรณ์ทาวเวอร์ กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม โดยมีเครือข่าย คนพิการ นักศึกษาจากคลินิกคุณธรรม แขกผู้มีเกียรติและข้าราชการ เข้าร่วมงาน

 

นายปรีชา กันธิยะ อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวว่า กรมการศาสนา ร่วมกับมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย คลินิกคุณธรรมในสถานศึกษา วัดชัยพฤกษมาลาราชวรวิหารและวัดสัมมาชัญญาวาส จัดกิจกรรมธรรมะสู่คนพิการและเยาวชนจิตอาสา ภายใต้โครงการ "ปาฏิหาริย์พระธรรม...อัศจรรย์ธรรมทัศนาจร" สืบเนื่องจากกรมการศาสนา นำมิติทางศาสนามาประยุกต์ใช้สาหรับการฟื้นฟูสมรรถภาพทางใจให้แก่กลุ่มคนพิการ ในโครงการ "ธรรมะสู่คนพิการ" 

 

ด้วยการน้อมนำหลักธรรมคำสอนเข้ามามีบทบาทในการเยียวยา เสริมภูมิคุ้มกันทางด้านจิตใจของคนพิการให้สามารถพัฒนาจิตใจตนเองให้เข้มแข็ง นำไปสู่ความสมบูรณ์แห่งสติปัญญาพฤติกรรม และการดำรงชีวิตในทางที่ถูกต้องเหมาะสมอย่างเป็นรูปธรรม เป็นที่ยอมรับของสังคม สามารถอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข 

 

กรมการศาสนาเล็งเห็นความสำคัญของเยาวชนไทยที่จะเป็นกำลังสำคัญของชาติในอนาคต จึงร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา คณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนและคณะสงฆ์ ดำเนินโครงการ "คลินิกคุณธรรมในสถานศึกษา" เพื่อให้สถานศึกษามีพื้นที่สำหรับเด็กและเยาวชน ในการแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาชีวิต การสนทนาธรรม โดยมีพระสงฆ์มาเป็นผู้ชี้แนะการแก้ปัญหา 

 

การจัดโครงการ "ปาฏิหาริย์พระธรรม...อัศจรรย์ธรรมทัศนาจร" ในครั้งนี้ มีผู้พิการและทุพพลภาพทุกประเภท พร้อมผู้ดูแลและนักเรียน นักศึกษาเครือข่ายคลินิกคุณธรรม เข้าทำกิจกรรมร่วมกัน แบ่งออกเป็น 7 รุ่น รวมจำนวน 400 คน โดยมีกิจกรรมพัฒนาคุณธรรมจริยธรรม ได้แก่ กิจกรรมธรรมะอารมณ์ดี ธรรมนันทนาการ, กิจกรรมวิปัสสนานุบาล เจริญสติ, ใส่บาตรถวายสังฆทานทำบุญด้วยสองมือ, กิจกรรมพุทธประวัติ ศาสนพิธี มารยาทชาวพุทธ เป็นต้น เพื่อให้คนพิการและเยาวชนได้ปฏิบัติธรรม มีความรู้ความเข้าใจ แนวทางปฏิบัติทางพระพุทธศาสนา มีจิตอาสา เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ พัฒนาจิตใจ สามารถดำรงชีวิตได้ถูกต้องเหมาะสม

 

"โอกาสของคนพิการไม่ค่อยมี ในการเข้าวัดปฏิบัติธรรมหรือการเข้าไปไหว้พระ มักจะถูกมองว่าเป็นภาระของสังคม รัฐบาล โดยกระทรวงวัฒนธรรม จึงเห็นสมควรด้วยการเปิดโอกาสแก่กลุ่มคนพิการ เมื่อเขาทุกข์ใจอยู่แล้วก็อยากให้เขามีกำลังใจที่จะลุกขึ้นมาสู้ชีวิต ถ้าเราทำตรงนี้ได้ก็ถือว่าเป็นอานิสงส์ ซึ่งหลักการของศาสนาต้องการให้ทุกคนมีความสุข ช่วยดับทุกข์แก่ผู้ที่มีความทุกข์ เมื่อคนเข้าไปหาพระ ไปปฏิบัติธรรมจะทำให้เขามีพลังต่อสู้ชีวิตมากขึ้น" 

 

พระครูวิบูลธรรมภาณ วัดสัมมาชัญญาวาส เขตคลองสามวา กรุงเทพฯ กล่าวว่า "รู้สึกชื่นใจในภารกิจของกรมการศาสนาที่จัดโครงการนี้ขึ้นมา ความพร้อมของทางวัดขอบอกว่าหากได้เข้าไปแล้ว จะรู้สึกไม่อยากกลับออกมา จะเกิดรักหลวงพ่อ รักหลวงพี่และรักความเป็นวัด อาตมารู้สึกดีใจที่กรมการศาสนา ให้ทางวัดจัดลานธรรม ลานวิถีไทย กิจกรรมของทางวัดมีทั้งภาคกิจกรรมและภาคบันเทิง เชื่อว่าทุกคนจะอิ่มบุญอิ่มใจ ที่สำคัญจะมีโอกาสได้เปลี่ยนบรรยากาศของการใช้ชีวิต"

 

ด้านพระมหาวิชาญ สุวิชาโณ หัวหน้าฝ่ายบริการฝึกอบรม มหาจุฬาฯ กล่าวว่า ทุกท่านที่จะเข้าโครงการทั้ง 7 รุ่น พระธรรมวิทยากรจากมหาจุฬาฯ ทุกรูปกำลังรอคอยกับกิจกรรมครั้งนี้ อาตมาเชื่อมั่นว่าปาฏิหาริย์แห่งพระธรรมนี้คือ การสามารถที่จะข้ามพ้นข้อจำกัดของร่างกาย เพื่อเข้าสู่อิสรภาพความสงบทางจิตใจ ในขณะที่มีกำลังกายกำลังใจอยู่หรือการรับรู้ด้วยหูหรือใจก็ตาม ทุกคนย่อมมีความสามารถสร้างบุญสร้างกุศลให้กับตนเองด้วยทาน ศีล ภาวนา ด้วยคติที่ว่า ร่างกายเป็นทุกข์หรือร่างกายพิการ แต่ใจนั้นไม่พิการ แม้กายพิการ จิตก็สดใสได้

 

"สำหรับผู้เข้าร่วมโครงการ ขออย่ากลัวว่าจะต้องนั่งฟังนานๆ ต้องจำ หรือต้องปฏิบัติให้ได้ จะมีแต่การสัมผัสใจต่อใจ มีความสุขและความสงบร่มเย็น อิสระและเสรีภาพ นี่คือเป้าหมาย"

 

ที่มาของข่าว หนังสือพิมพ์ข่าวสดออนไลน์ วันที่ 18 มิถุนายน 2556
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก