ครม. ไฟเขียวเงินอุดหนุนเด็กตั้งแต่อายุครรภ์ 4 เดือน - 6 ปี ให้ 600บาท/คน พร้อมเคาะเกณฑ์ปรับเพิ่ม “เบี้ยผู้สูงอายุ - คนพิการ”
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตราด รายงานว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบข้อเสนอ “การพัฒนาหลักประกันบริการทางสังคมแก่กลุ่มเป้าหมายที่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน” ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคมแห่งชาติ (ก.ส.ค.) ที่มีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานคณะกรรมการ และนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เป็นรองประธานคณะกรรมการ ข้อเสนอดังกล่าวครอบคลุมกลุ่มเป้าหมาย 5 กลุ่ม ได้แก่ 1) กลุ่มเด็กและเยาวชน 2) กลุ่มผู้สูงอายุ 3) กลุ่มคนพิการ 4) กลุ่มวัยแรงงาน และ 5) สวัสดิการสำหรับครอบครัว อาทิ เงินอุดหนุนเด็กแรกเกิด การขยายเวลาให้เด็กทุกคนได้รับการศึกษาจาก 12 ปี เป็น 15 ปี ปรับเพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุแบบขั้นบันได ส่งเสริมการจ้างงานผู้สูงอายุ และคนพิการ เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้นและสามารถพึ่งพาตนเองได้ ตลอดจนลดความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้นในสังคม
วันที่ 29 พ.ย. 67 คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบและมอบหมายส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการขับเคลื่อนข้อเสนอ “การพัฒนาหลักประกันบริการทางสังคมแก่กลุ่มเป้าหมายที่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน” ให้เกิดผลในทางปฏิบัติ ตามที่ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงคงของมนุษย์ (พม.) โดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคมแห่งชาติ (ก.ส.ค.) เสนอ
กระทรวง พม. โดย ก.ส.ค. ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับส่วนราชการระดับภูมิภาค จังหวัด และภาคีเครือข่าย รวมทั้งจัดประชุมร่วมกับหน่วยงาน ผู้เชี่ยวชาญ/ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการจัดสวัสดิการสังคมและที่เกี่ยวข้อง เพื่อยกร่างข้อเสนอ “การพัฒนาหลักประกันบริการทางสังคมแก่กลุ่มเป้าหมายที่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน” ตามกลุ่มเป้าหมาย 5 กลุ่ม ได้แก่ 1) กลุ่มเด็กและเยาวชน 2) กลุ่มผู้สูงอายุ 3) กลุ่มคนพิการ 4) กลุ่มวัยแรงงาน และ 5) สวัสดิการสำหรับครอบครัว โดยคำนึงถึงมาตรฐานขั้นต่ำของกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งพิจารณามาจากความต้องการขั้นพื้นฐานในชีวิตของคนตลอดช่วงวัย และนำมาเทียบเคียงกับสวัสดิการที่รัฐจัดให้แต่ละกลุ่มเป้าหมายในปัจจุบัน และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปใช้ในการจัดสวัสดิการสังคมให้กับประชาชนทุกช่วงวัย เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้นและสามารถพึ่งพาตนเองได้ ตลอดจนลดความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้นในสังคม
1. กลุ่มเด็กและเยาวชน
ปรับฐานกลุ่มเป้าหมาย /ขยายอายุเด็กให้ครอบคลุมตั้งแต่
ปรับฐานกลุ่มเป้าหมายโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด เป็นการให้เงินอุดหนุนแบบถ้วนหน้าโดยไม่ต้องมีการคัดกรองรายได้ของครอบครัว (เดิมครัวเรือนต้องมีสมาชิกที่มีรายได้เฉลี่ยไม่เกิน 100,000 บาท/คน/ปี) เพื่อให้ครอบคลุมและทำให้เด็กได้รับความช่วยเหลือแบบถ้วนหน้า ไม่ตกหล่น
ขยายอายุของเด็กให้ครอบคลุม เริ่มจากเด็กในครรภ์ตั้งแต่ 4 เดือน ถึง 6 ปี (เดิมตั้งแต่แรกเกิด ถึง 6 ปี) ได้รับเงินในอัตรา 600 บาท/คน/เดือน (เท่าเดิม) เพื่อเป็นหลักประกันว่าเด็กทุกคนจะได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม แม้ครอบครัวจะมีรายได้ลดลง
2. กลุ่มผู้สูงอายุ
การปรับเพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุแบบขั้นบันได
· อายุ 60 - 69 ปี เดือนละ 700 บาท
· อายุ 70 - 79 ปี เดือนละ 850 บาท
· อายุ 80 - 89 ปี เดือนละ 1,000 บาท
· อายุตั้งแต่ 90 ปีขึ้นไป เดือนละ 1,250 บาท
เพื่อให้เพียงพอต่อค่าครองชีพของผู้สูงอายุในปัจจุบัน สำหรับประมาณการงบฯ ที่ต้องใช้ในกรณีปรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุดังกล่าวในปี 2567 เป็นเงิน 123,353 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นทุกปีจนถึงปี 2573 เป็นเงิน 152,903 ล้านบาท
3. กลุ่มคนพิการ
การปรับเบี้ยความพิการให้สอดคล้องกับค่า
ครองชีพเป็น 1,000 บาท แบบถ้วนหน้าโดยดำเนินการควบคู่ไปกับการนำคนพิการที่ไม่มีบัตรประจำตัวคนพิการสามารถเข้าถึงสิทธิได้อย่างทั่วถึงเท่าเทียม และเป็นธรรม