ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

ชุดข้อมูล รัฐบาลรณรงค์หยุดความรุนแรงต่อเด็กและสตรีในครอบครัว พม. ขานรับ “ให้ทุกเสียงมีพลัง ยุติความรุนแรงด้วยความเท่าเทียม”

วันที่ลงข่าว: 28/11/24

ประเด็นประชาสัมพันธ์ผลงาน 20 กระทรวง

 

ประจำวันที่ 26 พฤศจิกายน 2567

 

ประเด็นที่ 1 : รัฐบาลรณรงค์หยุดความรุนแรงต่อเด็กและสตรีในครอบครัว พม. ขานรับ “ให้ทุกเสียงมีพลัง ยุติความรุนแรงด้วยความเท่าเทียม”

 

บทสรุป

           มติคณะรัฐมนตรีวันที่ 29 มิถุนายน 2542 เห็นชอบให้เดือนพฤศจิกายนของทุกปีเป็น “เดือนรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี” โดยรัฐบาลกำหนดจัดกิจกรรมเพื่อรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็ก สตรีและบุคคลในครอบครัว ภายใต้แนวคิด “สร้างสุขปลอดภัย ไร้ความรุนแรง” (ACT NOW to end Violence against Women and Girls) ด้วยการผลักดันและขับเคลื่อนนโยบาย 5x5 ฝ่าวิกฤตประชากร 5 ข้อเสนอ 5 มาตรการ จัดตั้งศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน (ศรส.) เปิดสายด่วน พม. 1300 หากพบเห็นหรือถูกกระทำความรุนแรง โทรฟรี 24 ชม. หรือผ่านแอปพลิเคชันไลน์ ESS Help Me รวมทั้งติดต่อศูนย์ปฏิบัติการเพื่อป้องกันการกระทำความรุนแรงในครอบครัวทั้ง 77 จังหวัด

 

รายละเอียด

           นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เนื่องในเดือนพฤศจิกายนของทุกปีเป็นเดือนแห่งการรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี ประจำปี 2567 เพราะสถาบันครอบครัว คือ หน่วยที่เล็กที่สุดของสังคมที่มีความสำคัญมากที่สุด เพราะครอบครัวอบอุ่นคือเกราะป้องกันให้กับทุกคน ที่จะสร้างความเข้มแข็ง ความรู้สึกปลอดภัยและความรู้สึกมั่นคง ทำให้เมื่อเราเจอปัญหาก็พร้อมจะลุกขึ้นใหม่ และเดินหน้าต่อไปได้ ในปัจจุบันความรุนแรงในครอบครัวมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทั้งรูปแบบทางกายและทางใจ มีสาเหตุสำคัญมาจากค่านิยมในสังคมที่มองว่าความรุนแรงเป็นเรื่องของคนในครอบครัวไม่ใช่เรื่องของคนในสังคม

ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วสังคมมีส่วนสำคัญมากในการลดปัญหาความรุนแรงในครอบครัว  

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า องค์การสหประชาชาติได้กำหนดให้วันที่ 25 พฤศจิกายน ของทุกปี เป็นวันยุติความรุนแรงต่อสตรีสากล และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2542 มีมติเห็นชอบให้เดือนพฤศจิกายนของทุกปีเป็น “เดือนรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี”

 

รัฐบาลจัดกิจกรรม “สร้างสุขปลอดภัย ไร้ความรุนแรง”

          ในปี 2567 นี้ รัฐบาลกำหนดจัดกิจกรรมเพื่อรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และบุคคลในครอบครัว ภายใต้แนวคิด “สร้างสุขปลอดภัย ไร้ความรุนแรง” (ACT NOW to end Violence against Women and Girls) มุ่งหวังให้ทุกคนเข้าใจความรุนแรงในครอบครัว พร้อมใช้ความรัก ความเห็นใจ ความเอื้ออาทร และใช้ความรู้ในสิทธิทางกฎหมายเพื่อปกป้องคุ้มครองทั้งตัวเอง สมาชิกในครอบครัว และคนในสังคมที่กำลังประสบปัญหาความรุนแรงในครอบครัว

          นายกรัฐมนตรีขอเชิญชวน หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม รวมถึงประชาชนทุกคน  มาร่วมแสดงพลังในการยุติความรุนแรงทุกรูปแบบด้วยการไม่ยอมรับ ไม่นิ่งเฉย ไม่กระทำความรุนแรงต่อเด็ก  สตรี และบุคคลในครอบครัว เพื่อให้ทุกคนในสังคมดำเนินชีวิตได้อย่างปลอดภัยและมีความสุข และหากประชาชนที่กำลังประสบปัญหาความรุนแรงในครอบครัวสามารถขอความช่วยเหลือหรือหากพบเห็นการใช้ความรุนแรงต่อคนในครอบครัวทุกรูปแบบ ขออย่าเพิกเฉย ติดต่อสายด่วน 1300 หรือแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อร่วมกันยุติความรุนแรงในครอบครัวทุกรูปแบบ

 

พม. ย้ำให้ทุกเสียงมีพลัง ยุติความรุนแรงด้วยความเท่าเทียม

          นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวภายหลังเป็นประธานในพิธีเปิดงานวันยุติความรุนแรงต่อสตรีสากล ประจำปี 2567 “ความเหลื่อมล้ำ ความยากจน : ผลกระทบความรุนแรงต่อสตรีและเด็กในสังคมไทย” “ให้ทุกเสียงมีพลัง ยุติความรุนแรงด้วยความเท่าเทียม” ระบุว่า ปัจจุบันสถานการณ์ปัญหาความรุนแรงในสังคมไทยไม่ว่าจะเป็นความรุนแรงต่อเด็ก สตรี หรือความรุนแรงในครอบครัว ยังคงมีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น ในปี 2567 พบผู้ถูกกระทำความรุนแรง เฉลี่ยวันละ 42 ราย เป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นจากปี 2566 จำนวน 8 รายต่อวัน

 

จากข้อมูลศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน หรือ ศรส. สายด่วน พม. 1300 พบว่า

·       มีผู้ถูกกระทำความรุนแรงในครอบครัว จำนวน 4,833 ราย ส่วนใหญ่เป็นบุคคลในครอบครัว จำนวน 3,421 ราย (71%) และภายนอกครอบครัว จำนวน 1,412 ราย (29%)

·       ความรุนแรงที่พบ อันดับหนึ่ง คือ ถูกทำร้ายร่างกาย 3,532 ราย (73.08%) รองลงมา คือ

ถูกล่วงละเมิดทางเพศ 814 ราย (16.84%) และอื่นๆ เช่น ถูกกระทำอนาจาร ถูกทอดทิ้ง 487 ราย (10.07%) และผู้ที่กระทำความรุนแรงส่วนใหญ่เป็นเพศชาย ประมาณ 3,500 ราย (72%) เพศหญิง 1,333 ราย (28 %) (หมายเหตุ : 1 เคสมีถูกกระทำความรุนแรง ได้มากกว่า 1 รูปแบบ เช่น กระทำความรุนแรงทางร่างกายและทางจิตใจ)

·       สาเหตุหรือปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดความรุนแรง อันดับหนึ่ง คือ ยาเสพติด รองลงมาคือ บันดาลโทสะ ความรู้สึกเชิงอำนาจ การหึงหวง ปัญหาสุขภาพจิต หรือความเครียดทางเศรษฐกิจ ล้วนเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดการใช้ความรุนแรงในครอบครัว ผู้ที่กระทำความรุนแรงส่วนใหญ่เป็นเพศชาย สถานะเป็นสามี หรือเป็นพ่อ

 

ผลักดันทุกมาตรการปกป้อง-ขจัดปัญหาความรุนแรง

 

กระทรวง พม. ขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลโดยให้ความสำคัญกับประเด็นปัญหาความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และบุคคลในครอบครัว ประเด็นปัญหาการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศ (Sexual Harassment) และมีความพยายามผลักดันนโยบายและมาตรการหลายด้าน เพื่อปกป้อง คุ้มครอง คนทุกเพศ ทุกวัย และขจัดปัญหาความรุนแรงในทุกรูปแบบ

 

·       การผลักดันและขับเคลื่อนนโยบาย 5x5 ฝ่าวิกฤตประชากร จากความร่วมมือกับทุกภาคส่วน โดยผ่านการเห็นชอบของ ครม. เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2567 ประกอบด้วย 5 ข้อเสนอ 5 มาตรการ ได้แก่ 1. เสริมพลังผู้สูงอายุ 2. เพิ่มคุณภาพและผลิตภาพของเด็กและเยาวชน 3. สร้างพลังผู้สูงอายุ 4. เพิ่มโอกาสและเสริมสร้างคุณค่าคนพิการ และ 5. สร้างระบบนิเวศ (Ecosystem) ที่เหมาะสมเพื่อพัฒนาความมั่นคงของครอบครัว เพื่อให้ประชาชนทุกช่วงวัย เสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิตได้อย่างครอบคลุมทุกมิติ ทั่วถึง เป็นธรรม

 

·        มีศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน (ศรส.) ทำงานร่วมกับสหวิชาชีพ โดยเริ่มตั้งแต่การรับแจ้งเหตุขอความช่วยเหลือหากเกิดความรุนแรงในครอบครัว การเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย

การวางแผน การดำเนินงานช่วยเหลือ ประสานงานให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ช่วยเหลือคุ้มครอง

โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัวและผู้ที่ได้รับผลกระทบเป็นสำคัญ

·        พฤศจิกายนเป็นเดือนรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และบุคคลในครอบครัว กระทรวง พม.

ในฐานะหน่วยงานหลักที่ขับเคลื่อนภารกิจด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงในครอบครัว ได้ดำเนินการร่วมกับภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนในการจัดกิจกรรมเพื่อรณรงค์สร้างความตระหนัก

ต่อสังคม เพื่อชี้ให้เห็นถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นจากความรุนแรงในครอบครัว และสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องต่อประเด็นปัญหา สร้างการมีส่วนร่วมในสังคม เพื่อรับมือกับปัญหาและขอรับความช่วยเหลือกรณีเกิดเหตุขึ้น

ช่องทางติดต่อแจ้งความรุนแรง-ขอความช่วยเหลือ

          นอกจากการรณรงค์ยุติความรุนแรงที่ดำเนินการอย่างต่อเนื่องทุกปีแล้ว ยังมีเรื่องการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อรองรับสถานการณ์และสภาพปัญหาความรุนแรงในสังคมปัจจุบัน

 

o   การสร้างระบบ Family Line “เพื่อนครอบครัว” ผ่าน Application Line และเว็บไซต์เพื่อนครอบครัว เพื่อเป็นพื้นที่ให้คำปรึกษา แลกเปลี่ยนเรียนรู้ และให้องค์ความรู้แก่สมาชิกครอบครัว การสื่อสารสังคมเชิงรุก

 

o   การร่วมลงนาม MOU และประกาศเจตนารมณ์ระหว่างภาคีเครือข่ายและสมาคมกีฬานําร่อง รวมกว่า 40 หน่วยงาน เพื่อสร้างความตระหนักรู้และส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ โดยเฉพาะการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงทางเพศในวงการกีฬา

 

o   ช่องทางการติดต่อขอรับความช่วยเหลือกรณีถูกกระทำความรุนแรง หรือพบเห็นเหตุการณ์ความรุนแรงในครอบครัว

 

§  หากพบเห็นหรือถูกกระทำความรุนแรงขออย่านิ่งเฉย สามารถแจ้งมาได้ที่ ศรส. โทร 1300 โทรฟรี 24 ชม.

 

§  ระบบแจ้งเหตุฉุกเฉินทางสังคม ESS Help Me ผ่านแอปพลิเคชันไลน์แจ้งเหตุเชื่อมโยงกับสถานีตำรวจตลอด 24 ชม.

 

§  ติดต่อศูนย์ปฏิบัติการเพื่อป้องกันการกระทำความรุนแรงในครอบครัวทั้ง 77 จังหวัด

ที่มาของข่าว สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก