ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

นางฟ้ากู่เจิง ฝ่ามรสุมโรคจอประสาทตาเสื่อม ส่งต่อความสุขผ่านเสียงเพลง

วันที่ลงข่าว: 06/11/23

            นางฟ้ากู่เจิง ฝ่ามรสุมโรคจอประสาทตาเสื่อม ส่งต่อความสุขผ่านเสียงเพลง แม้มองเห็นเพียงแค่ 5 เปอร์เซ็น แต่ความสุขที่เกิดจากเสียงดนตรีในหัวใจนั้นมีเกินร้อย
            แอนนี่ – อธิษฐ์รดา จันทร์ชูวณิชกุล สาวภูเก็ตผู้มากับฉายา นางฟ้ากู่เจิง รอเราอยู่ในชุดยาวสีแดงสวยสด หลังจบการแสดงเปิดตัวห้องอาหารเหมยเจียง ณ โรงแรม The Peninsula Bangkok ก็พร้อมให้สัมภาษณ์กับทีมงานท่ามกลางบรรยากาศร่มรื่น เงียบสงบริมแม่น้ำเจ้าพระยา
จอประสาทตาเสื่อมตั้งแต่ยังเด็ก
          เรียกว่าเป็นความพิการกลุ่มสายตาเลือนราง ตั้งแต่จำความได้ก็คือเรามองไม่ชัดมาตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว โรคนี้จะกินการมองเห็นของเราไปเรื่อยๆ ค่ะ จากตอนเล็กๆ น่าจะเห็นสักประมาณ 20-30 เปอร์เซ็น และเป็นโรคที่คุณหมอยังไม่มีวิธีรักษาค่ะ
          จากตอนนั้นมาถึงตอนนี้ ตอนนี้ก็แทบหมดแล้ว น่าจะเหลือสัก 5 เปอร์เซ็นแล้ว
จู่ๆ ตาก็แย่ลงกะทันหัน
         ในระหว่างที่เราทำงานอยู่ ตาแย่ลงกะทันหันค่ะ วืดไปเลย แม่ก็เลยให้ลาออกจากงานแล้วกลับภูเก็ต ทุกอย่างตอนนั้นคือจบลงหมดเลย ตกงาน ตาแย่ลง กู่เจิงก็ทิ้งเลย ไม่เล่นเลยค่ะเกือบ 10 ปีจนปี 2558 มีงานที่สนามบินภูเก็ต เขาหาคนเล่นกู่เจิง แล้วอาจารย์ที่รู้จักจำได้ว่าเราเล่นกู่เจิงได้ เขาเลยมาชวนเราให้ไปรับงาน วันนั้นไปก็มีคนมาขอถ่ายรูปเต็มเลยค่ะ
         ก่อนจะกลับจากงาน ออแกไนซ์เขาก็มาพูดว่า ทำไมเราไม่หัดให้เป็นอาชีพไปเลยล่ะ เราก็เลยเกิดความคิดเลยว่า เราอยากมีงานทำนี่ แล้วเครื่องนี้เราก็ชอบอยู่แล้วด้วย
         ที่ผ่านมาเราลองมาหลายอย่างแล้ว เกือบทุกงานเป็นงานที่เหมือนเราต้องไปขอเขาทำ ต่อให้เราไปบอกเขาว่าเราเป็นคนพิการแล้วเขาให้โอกาสเรา เราก็เป็นปัญหาของเขาอยู่ดี เพราะว่าเราทำงานให้เขาได้ไม่เต็มร้อย นั่นมันไม่ใช่งานของคนที่มองไม่เห็น
         แต่งานนี้ มันคืองานของเราเลย เราไม่ต้องไปขอเขา เราแค่เอาความสามารถที่เรามีไปขาย
กว่าจะเป็น นางฟ้า กู่เจิง
         ตอนที่เราไปสมัครทำงานเอง งานค่อนข้างน้อยและก็จำกัด เราเข้าใจว่ากู่เจิงเป็นเครื่องที่คนไม่ค่อยรู้จักในยุคนั้น แต่เราพยายามทำให้มันง่าย เราเลยค่อยๆ พาตัวเองออกนอกกรอบค่ะ เริ่มเล่นเพลงที่หลากหลายขึ้น
สำหรับตัวแอนนี่เอง รู้สึกว่ากู่เจิงไม่ใช่เครื่องที่มาเล่นในภัตตาคารจีน แต่ตอนที่เราแกะเพลง เราฟังแล้วเสียงดนตรีของมันทำให้มีความสุขมาก มันช่วยผ่อนคลาย มันช่วยคนได้นะ
        นอกจากหูของเราจะต้องฟังสิ่งที่เราเล่น เราจะต้องฟังแขกในงานด้วยนะ ฟังที่เขาคุยกัน หรือเดาใจเขาว่าเราเล่นเพลงอะไรแล้วเขาจะชอบ
แค่รักตัวเอง และมีความสุข
        มันเป็นพรหมลิขิตมากค่ะ มันไม่ใช่แค่โชคช่วย แต่เราไม่หยุด
         แอนนี่มาไกลมาก เราสนุกกับงานมากเลยค่ะ กู่เจิงพาเราไปทั่ว ไปในที่ที่เราไม่เคยไป เจอคนที่ไม่คิดว่าชีวิตเราจะได้เจอ และที่สำคัญเราได้เลี้ยงลูกเราด้วยตัวเอง มันไม่ใช่แค่งานที่เราหาเงินได้ มันเป็นงานที่เราสร้างชื่อเสียงให้ภูเก็ต ให้บ้านเรา เราเป็นความภูมิใจของพ่อแม่
         เราขึ้นไปยืนบนเวทีให้นักศึกษาเป็นพันๆ คนได้แรงบันดาลใจ ทุกอย่าง ทุกสกิลที่เราฝึกมาตั้งแต่เด็ก เราเอามาใช้ได้หมดเลย
         แอนนี่มองว่าทุกคนไม่เหมือนกัน ทุกคนมีรูปแบบปัญหาของตัวเอง เราเทียบกับใครไม่ได้ เราไม่ต้องเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนที่ดีกว่าเราแล้วทำให้เรารู้สึกแย่ ในเมื่อเราเกิดมาแล้วค่ะ และเราก็ต้องอยู่บนร่างนี้ เรามีหน้าที่ทำยังไงก็ได้ ให้เรามีความสุขที่สุดในแบบของตัวเรา
ขอบคุณสถานที่สัมภาษณ์ The Peninsula Bangkok

ที่มาของข่าว หนังสือพิมพ์ข่าวสดออนไลน์
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก