วันที่ 19 มีนาคม 2566 ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์เกษม วัฒนชัย องคมนตรี และประธานกรรมการมูลนิธิขาเทียม ในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เป็นประธานโครงการออกหน่วยทำขาเทียมพระราชทานเคลื่อนที่ ครั้งที่ 161 ของมูลนิธิขาเทียมในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ณ จังหวัดราชบุรี โดยมีศาสตราจารย์คลินิก นายแพทย์นิเวศน์ นันทจิต เลขาธิการมูลนิธิขาเทียมฯ กล่าวรายงาน พร้อมด้วย นางสาววริษฐา สงวนเสริมศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี แพทย์หญิงปาจรีย์ อารีย์รบ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดราชบุรี คณะกรรมการฯ ผู้บริหารและบุคลากรมูลนิธิขาเทียมฯ หัวหน้าส่วนราชการ และสื่อมวลชน ร่วมโครงการ ณ โรงยิมเนเซียมจังหวัดราชบุรี อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี

          โครงการทำขาเทียมพระราชทาน จัดขึ้นเพื่อสนองพระราชปณิธานของสมเด็จพระศรีนครินทรา บรมราชชนนี ที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณและพระเมตตาคุณต่อคนพิการ ขาขาดที่ยากไร้ ในการให้บริการจัดทำขาเทียมแก่คนพิการขาขาดทุกเชื้อชาติ และศาสนา โดยไม่คิดมูลค่า เพื่อให้บุคคลที่สูญเสียขาทุกคน ได้พ้นความทุกข์จากการเป็นบุคคลทุพพลภาพที่ไม่สามารถเดินได้เหมือนบุคคลปกติ เมื่อคนพิการขาขาด ได้รับขาเทียมที่ดีและมีคุณภาพ สามารถดำรงชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุข และมีโอกาสในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของตนเองให้ดียิ่งขึ้น

          ซึ่งนอกจากสามารถประกอบอาชีพได้ตามปกติ และสามารถช่วยเหลือครอบครัว สังคม ตลอดจนคนรอบข้างได้แล้ว ยังเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยพัฒนาการสาธารณสุขในพื้นที่ให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น และเป็นการเพิ่มโอกาสให้แก่ประชาชนในพื้นที่ ได้เข้าถึงการให้บริการทำขาเทียมอย่างเท่าเทียมกัน

          โดยมีผู้พิการขาขาดที่ยากไร้ในจังหวัดราชบุรี ประสงค์เข้ารับบริการทำขาเทียม 138 คน แยกประเภทเป็นขาเทียมระดับใต้เข่า ขาเทียมระดับเหนือเข่า ขาเทียมระดับเข่า และขาเทียมระดับข้อ การออกหน่วยทำขาเทียมพระราชทานครั้งที่ 161 นี้ มีเวลาปฏิบัติงานทั้งสิ้น 6 วัน ระหว่างวันที่ 19 – 24 มีนาคม 2566 โดยวันที่ 19 มีนาคม 2566 เป็นวันเปิดโครงการทำ ขาเทียมพระราชทาน และวันที่ 24 มีนาคม 2566 เป็นวันมอบขาเทียมให้คนพิการ

          ทั้งนี้ สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 19 เชียงใหม่ บริษัท ไทยเบเวอร์เรจแคน จำกัด และ บริษัท ซี.พี. อินเตอร์เทรด จำกัด จิตอาสา และหน่วยงานต่าง ๆ ในจังหวัดราชบุรี ร่วมสนับสนุนบุคลากร อาหารและน้ำดื่ม ปฏิบัติงาน และอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้พิการ พร้อมช่วยเหลือผู้พิการอย่างเต็มใจ ซึ่งนับเป็นการส่งเสริมให้สังคมไทยเป็นสังคมแห่งการแบ่งปันอย่างแท้จริง