ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ เผยสถานการณ์ผู้พิการในประเทศไทย พร้อมย้ำสิทธิสวัสดิการที่ผู้พิการจะได้รับ

วันที่ลงข่าว: 23/03/23

          นางสาวสนธยา บุณยภูษิต รองอธิบดีกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ เปิดเผยว่า สถานการณ์คนพิการในประเทศไทย ที่ขึ้นทะเบียนคนพิการกับกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ปัจจุบันอยู่ที่ 2.1 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 3.26 ของประชากรทั้งประเทศ สัดส่วนคนพิการชายกับหญิงใกล้เคียงกัน ขณะที่ คนพิการที่มีงานทำช่วงอายุ 15-59 ปี มีงานทำ 850,000 คน สัดส่วนคนพิการประกอบอาชีพ 310,000 คน ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพอิสระ 220,000 คน และคนพิการทำงานในสถานประกอบการมีเพียง 84,000 คน ส่วนประเภทความพิการแบ่งออกเป็น 7 ประเภท ส่วนใหญ่พิการทางการเคลื่อนไหวหรือทางร่างกายมากที่สุด รองลงมาเป็นคนพิการทางการได้ยินหรือสื่อความหมาย และพิการทางการมองเห็น

          สำหรับผู้ที่จะยื่นขอมีบัตรประจำตัวคนพิการ ลำดับแรกต้องให้แพทย์ประเมินความพิการ และออกเอกสารรับรองความพิการ จากนั้นนำเอกสารดังกล่าวไปยื่นขอมีบัตรประจำตัวคนพิการ เพื่อเข้าถึงสวัสดิการและความช่วยเหลือจากรัฐ โดยผู้พิการที่มีบัตรประจำตัวคนพิการจะได้รับเบี้ยความพิการเดือนละ 800 บาทต่อเดือน ,การกู้ยืมเงินประกอบอาชีพ โดยไม่คิดดอกเบี้ย,การปรับสภาพที่อยู่อาศัยให้เหมาะสมกับผู้พิการ ,การฝึกอาชีพ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายที่ศูนย์พัฒนาศักยภาพและอาชีพคนพิการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ,ได้รับการศึกษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายตั้งแต่เริ่มเรียนจนถึงปริญญาตรี ,การช่วยเหลือทางกฎหมายและจัดหาทนายความว่าต่าง แก้ต่างให้ผู้พิการ ที่มีความยากจนและไม่ได้รับความเป็นธรรม และสิทธิทางการแพทย์ สิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ฟื้นฟูสมรรถภาพ การรักษาพยาบาล และอุปกรณ์เครื่องช่วยคนพิการต่างๆ

          รองอธิบดีกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กล่าวย้ำว่า กรมมุ่งส่งเสริมและยกระดับคุณภาพชีวิตคนพิการ เพื่อให้เข้าถึงสิทธิและสวัสดิการอย่างความเท่าเทียมในสังคม ซึ่งประชาชนสามารถมีส่วนร่วมในการส่งเสริมและยกระดับคุณภาพชีวิตคนพิการ โดยสามารถชี้เป้าเมื่อพบเห็นผู้ใดที่คาดว่าเป็นคนพิการ อาจจะสอบถามเบื้องต้นว่ามีบัตรประจำตัวคนพิการหรือไม่ หากยังไม่มีให้แนะนำการขอบัตรประจำคนพิการหรือประสานแจ้งเรื่องได้ที่ศูนย์บริการคนพิการจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อให้ผู้พิการเข้าถึงสวัสดิการและความช่วยเหลือจากรัฐ

 

ที่มาของข่าว สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก