ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

ศูนย์การศึกษาพิเศษ ประจำจังหวัดปัตตานี จัดกิจกรรม วิ่งปั่นด้วยใจไม่ทิ้งกัน ครั้งที่ 3

วันที่ลงข่าว: 23/08/22

          วันที่ 21 สิงหาคม 2565 เวลา 06.30 น.ที่ศูนย์การศึกษาพิเศษ ประจำจังหวัดปัตตานี ว่าที่ร้อยตรีตระกูล โทธรรม รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เป็นประธานในพิธีเปิดและปล่อยขบวนจักรยานตามโครงการ วิ่ง-ปั่นด้วยใจไม่ทิ้งกัน ครั้งที่ 3 โดยมีคณะผู้บริหาร ผู้ดูแล และประชาชนเข้าร่วมกิจกรรมกว่า 2,700 คน

          นายสุรัตน์ บุญฤทธิ์ ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษาพิเศษ ประจำจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า ศูนย์การศึกษาพิเศษ ประจำจังหวัดปัตตานี เป็นสถานศึกษา สังกัดสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ มีบทบาทหน้าที่ให้บริการช่วยเหลือระยะแรกเริ่มแก่เด็กพิการ และส่งเสริม สนับสนุนการจัดการศึกษาสำหรับเด็กพิการในจังหวัดปัตตานี ให้มีพัฒนาการที่ดีขึ้นด้วยกระบวนการทางการศึกษา และการบำบัดฟื้นฟูด้วยวิธีการต่าง ๆเช่น กายภาพบำบัด กิจกรรมบำบัด ศิลปะบำบัด ธาราบำบัด แพทย์แผนไทย เป็นต้น

          การจัดกิจกรรม วิ่ง-ปั่นด้วยใจไม่ทิ้งกัน ครั้งที่ 3 นี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อหารายได้สร้างสนามเด็กเล่นเสริมปัญญา ส่งเสริมให้เด็กพิการในจังหวัดปัตตานีมีพัฒนาการที่ดีขึ้น เต็มตามศักยภาพผ่านการเล่นอีกทั้งให้เด็กพิการได้เรียนรู้ในห้องเรียนธรรมชาติ ซึ่งประกอบไปด้วย ฐานสระน้ำอิน - จัน ฐานสระทารก ฐานค่ายกล สไปเดอร์แมน ฐานเรือสลัดลิง และฐานหัดว่ายน้ำ เพื่อให้เด็กได้มีพัฒนาการครบทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ ร่างกาย อารมณ์-จิตใจ สังคม และสติปัญญา ช่วยให้เด็กพิการได้เล่นอย่างใกล้ชิดกับธรรมชาติ ทำให้มีความคิดสร้างสรรค์และมีจินตนาการ มีทักษะชีวิต สามารถช่วยเหลือตนเองและรู้จักการแก้ปัญหาผ่านการเล่น ซึ่งการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ มีผู้สนใจร่วมสนับสนุนกิจกรรม จากทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนรวมทั้งสิ้นจำนวน 2,700 คน

          นอกจากนี้ยังมีผู้บริจาคเงินสนับสนุนอีกจำนวนหนึ่ง ภายหลังทำพิธีเปิดกิจกรรม ขบวนจักรยานได้ปั่นออกจาก ศูนย์การศึกษาพิเศษ ประจำจังหวัดปัตตานี เลี้ยวซ้ายผ่าน ม.อ.ปัตตานี ผ่านหอนาฬิกา ตลาดมะกรูด ผ่านมัสยิดกลาง เรือนจำกลางปัตตานี ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ศาลหลักเมืองปัตตานี และกลับเข้าศูนย์การศึกษาพิเศษฯ รวมระยะทาง 21 กิโลเมตร ซึ่งก่อนหน้านี้ เวลา 05.30 น. ได้มีกิจกรรมวิ่งเพื่อสุขภาพ ระยะทาง 6 กิโลเมตรด้วย

 

ที่มาของข่าว สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก