ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

เลขาธิการ สปสช. แนะประชาชนที่ประสบเหตุเจ็บป่วยฉุกเฉินในช่วงเทศกาลสงกรานต์เข้ารักษาได้ทุกโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ ไม่ต้องสำรองจ่าย เพื่อได้รับบริการเพื่อช่วยชีวิตและลดความพิการ

วันที่ลงข่าว: 09/04/13

 

เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ แนะประชาชนที่ประสบเหตุเจ็บป่วยฉุกเฉินในช่วงเทศกาลสงกรานต์เข้ารักษาได้ทุกโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ ไม่ต้องสำรองจ่าย เพื่อได้รับบริการเพื่อช่วยชีวิตและลดความพิการ

นายแพทย์วินัย สวัสดิวร เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ สปสช. กล่าวว่า จากผลการดำเนินงานนโยบายเจ็บป่วยฉุกเฉินถึงแก่ชีวิต ไม่ถูกถามสิทธิ ใกล้ที่ไหนไปที่นั่น หรือเจ็บป่วยฉุกเฉินมาตรฐานเดียว 3 กองทุน ซึ่งเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2555 ผลการดำเนินการ 1 ปี จนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2556 โดยมีผู้ป่วยเข้าถึงบริการ 22,836 ราย จากโรงพยาบาลเอกชน 241 แห่ง เป็นสิทธิข้าราชการสูงสุด 12,054 ราย หรือร้อยละ 52.78 สิทธิหลักประกันสุขภาพ 9,252 ราย หรือร้อยละ 40.51 สิทธิประกันสังคม 1,480 ราย หรือร้อยละ 6.48 และสิทธิอื่นๆ เช่น สิทธิข้าราชการท้องถิ่น/รัฐวิสาหกิจ ผู้มีปัญหาสถานะสิทธิ 50 ราย หรือร้อยละ 0.3 เมื่อพิจารณาแนวโน้มของสิทธิ พบว่าสิทธิข้าราชการมีแนวโน้มเข้ารับบริการสูงขึ้น อาการหรือโรคที่เข้ารับบริการส่วนใหญ่ คือหัวใจล้มเหลว หัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน ติดเชื้อในกระแสเลือด หัวใจหยุดเต้น มีเลือดออกในสมอง เป็นต้น ซึ่งพื้นที่ที่ให้บริการสูงสุดคือ กรุงเทพมหานคร 9,647 ราย หรือร้อยละ 42.24 โดยที่ สปสช.ทำหน้าที่เป็นหน่วยชำระเงินกลางแทน 3 กองทุน จ่ายเงินชดเชยแล้วจำนวน 16,928 ราย เป็นเงิน 296 ล้านบาท ที่เหลืออยู่ระหว่างการดำเนินการ

สำหรับในช่วงเทศกาลวันหยุดสงกรานต์ ซึ่งมีการเดินทางท่องเที่ยวและกลับภูมิลำเนาจำนวนมาก เมื่อประสบเหตุเจ็บป่วยฉุกเฉินสามารถเข้ารักษาได้ทุกโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ โดยแต่ละโรงพยาบาลที่ให้การรักษาให้เบิกจ่ายมายัง สปสช. ให้ผู้ป่วยฉุกเฉินเป็นศูนย์กลางได้รับบริการเพื่อช่วยชีวิตและลดความพิการ โดยไม่ต้องถามสิทธิภายใต้มาตรฐานเดียวกัน ทั้งนี้ เน้นในกลุ่มที่ผู้ป่วยวิกฤติ คือผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติและเร่งด่วน เน้นบริการฉุกเฉินที่โรงพยาบาลเอกชนนอกระบบ 3 กองทุนสุขภาพ หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามได้ที่สายด่วน สปสช.1330 หรือสายด่วน 1669 ได้ทั่วประเทศ

ที่มาของข่าว สำนักข่าวแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์ : http://thainews.prd.go.th
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก