ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

จังหวัดชัยนาท จัดพิธีทอดผ้าป่าสมทบทุนกองทุนพัฒนาเด็กชนบท ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประจำปี 2565

วันที่ลงข่าว: 04/04/22

          ที่หอประชุมโรงเรียนชัยนาทพิทยาคม อำเภอเมืองชัยนาท จังหวัดชัยนาท นายรังสรรค์ ตันเจริญ ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท เป็นประธานพิธีทอดผ้าป่าสมทบทุนกองทุนพัฒนาเด็กชนบท ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประจำปี 2565 พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการจังหวัดชัยนาท และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมพิธี ภายใต้มาตรการป้องกันโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด โดยมี พระสุธีวราภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดชัยนาท เจ้าอาวาสวัดพระบรมธาตุวรวิหาร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์

          กระทรวงมหาดไทย โดยกรมพัฒนาชุมชนได้จัดตั้งกองทุนพัฒนาเด็กชนบทขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2522 เพื่อเป็นกองทุนในการให้ความช่วยเหลือ และสนับสนุนการพัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนอายุตั้งแต่แรกเกิดถึง 6 ปี ที่ครอบครัวยากจนและด้อยโอกาส ต่อมาในปี พ.ศ.2536 สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณรับกองทุนพัฒนาเด็กชนบทไว้ในพระราชูปถัมภ์ฯ โดยพระราชทานพระราชานุญาตให้ชื่อ “กองทุนพัฒนาเด็กชนบทในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี” ซึ่งกองทุนพัฒนาเด็กชนบทฯ ได้จัดกิจกรรมทอดผ้าป่าเพื่อหารายได้สมทบกองทุน ทั้งในส่วนกลาง (กรุงเทพมหานคร) และส่วนภูมิภาคทั้ง 76 จังหวัด พร้อมกันในวันที่ 1 เมษายน ของทุกปี

          โดยผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาทได้เป็นตัวแทนมอบทุนอุปการะเด็กกองทุนพัฒนาเด็กชนบทครั้งนี้ ที่เป็นครอบครัวมีฐานะยากจนและด้อยโอกาสในพื้นที่จังหวัดชัยนาท จำนวน 61 ทุนๆ ละ 1,500 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 91,000 บาท แบ่งเป็น จากกรมการพัฒนาชุมชนจัดสรรทุนอุปการะเด็ก จำนวน 22 ทุนๆ ละ 1,500 บาท เป็นเงิน 33,000 บาท และจากกองทุนพัฒนาเด็กชนบทจังหวัดชัยนาท จำนวน 39 ทุนๆ ละ 1,500 บาท รวมเป็นเงิน 58,500 บาท

          สำหรับการทอดผ้าป่าในครั้งนี้ หลายหน่วยงาน ได้ร่วมกันทำบุญเพื่อสมทบกองทุนพัฒนาเด็กชนบท ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อนำไปมอบต่อแก่เด็กกำพร้า เด็กผู้พิการด้อยโอกาส เด็กถูกทอดทิ้งหรือผู้ปกครองมีฐานะยากจน เจ็บป่วยทุพพลภาพ ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ เพื่อที่เด็กเหล่านี้จะได้รับการพัฒนา ทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และสติปัญญา ให้เจริญเติบโตเป็นประชากรที่มีคุณภาพของประเทศชาติ ต่อไป

 

ที่มาของข่าว สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก