ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

ร้อยเอ็ด มอบรถเข็นตามโครงการ ร้อยเอ็ดปันสุข บำบัดทุกข์ ให้คนพิการด้วยวีลแชร์

วันที่ลงข่าว: 14/02/22

          นายภูสิต สมจิตต์ ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นประธานการมอบรถเข็นตามโครงการร้อยเอ็ดปันสุข บำบัดทุกข์ ให้คนพิการด้วยวีลแชร์ ที่โรงเรียนขัติยะวงษา ตำบลเหนือเมือง อำเภอเมือง จังหวัดร้อยเอ็ด โดยมี นายมงคลชัย สมอุดร รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ,นายรณวริทธิ์ ปริยฉัตรตระกูล สมาชิกวุฒิสภา ,นายชนาส ชัชวาลวงศ์,นายสนอง ดลประสิทธิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด ,นายชูศักดิ์ ราชบุรี ปลัดจังหวัดร้อยเอ็ด , ดร.เอกภาพ พลซื่อ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดร้อยเอ็ด ,นางปราณี ประทุมมา พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดร้อยเอ็ด หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ และพี่น้องประชาชน ผู้พิการชาวร้อยเอ็ด เข้าร่วม

          เนื่องด้วยผู้พิการ เป็นบุคคลมีความยากลำบากในการดำเนินชีวิต ทำให้ทุกฝ่ายต้องร่วมมือช่วยกันจัดหากายอุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกอันเป็นสาธารณะ ซึ่งจังหวัดร้อยเอ็ดได้จัดทำโครงการ ร้อยเอ็ดปันสุข บำบัดทุกข์ ให้คนพิการ โดยการจัดหาวีลแชร์เป็นกายอุปกรณ์ เพื่อขจัดอุปสรรคการใช้ชีวิตประจำวันให้กับคนพิการ ผู้สูงอายุ และบุคคลที่จำเป็นต้องใช้วีลแชร์ จำนวน 1,548 คัน อีกทั้งช่วยให้นำไปใช้ต่อยอดในชีวิตประจำวัน ถือเป็นเป้าหมายของจังหวัดร้อยเอ็ด ที่ต้องการให้คนทุกช่วงวัยได้รับการพัฒนาศักยภาพ เป็นคนดี มีคุณภาพ ความเป็นอยู่ที่ดี มีอาชีพมั่นคง สุขภาพดี แรงงานมีคุณภาพ สังคมเป็นธรรม และลดความเหลื่อมล้ำในทุกมิติ ทั้งนี้ กิจกรรมจะมอบวีลแชร์ จะนำร่องให้ทั้ง 20 อำเภอ โดยมี นายอำเภอ สาธารณสุขอำเภอ ตัวแทนผู้บริหารท้องถิ่น และตัวแทนกลุ่มเป้าหมาย มารับมอบวีลแชร์ เพื่อนำไปส่งมอบให้กับผุ้พิการและกลุ่มเป้าหมายในระดับพื้นที่ต่อไป

          โอกาสนี้ นายมงคลชัย สมอุดร รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องการช่วยเหลือพี่น้องกลุ่มเปราะบาง เป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล ในการที่จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง โดยเฉพาะพี่น้องที่ไม่สามารถช่วยตัวเองได้ในเรื่องของกายภาพ ซึ่งโครงการนี้เป็นโครงการแรกของประเทศไทย ที่รัฐบาลให้การสนับสนุนเครื่องมือการดำรงชีวิต และในอนาคตจะสามารถช่วยเหลือตนเองและช่วยในการอำนวยความสะดวกต่อการประกอบอาชีพได้หลายๆ อย่าง อีกทั้งจังหวัดร้อยเอ็ดเป็นจังหวัดนำร่องและเป็นตัวอย่างให้แก่จังหวัดอื่นๆ ในการที่จะให้การสนับสนุนโครงการเหล่านี้ เพื่อเป็นการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนผู้พิการให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน

 

ที่มาของข่าว สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก