นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เปิดเผยรายงานภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือนกันยายน 2564 ว่า เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชน มีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า สอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาที่ระดับ 41.4 จากระดับ 39.6 ในเดือนสิงหาคม 2564 โดยเป็นผลมาจากภาครัฐผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลให้ประชาชนและภาคธุรกิจมีการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มมากขึ้น ขณะที่การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ระดับราคาคงที่ ยังคงขยายตัวที่ร้อยละ 8.6 ต่อปี ส่วนเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชน มีสัญญาณทรงตัว ด้านมูลค่าการส่งออกสินค้าขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกันที่ร้อยละ 17.1 ต่อปี โดยสินค้าที่ขยายตัวได้ดี ได้แก่ สินค้าเกษตรและอาหาร โดยเฉพาะ ยางพารา ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง และข้าว ซึ่งส่งออกไปยังตลาดคู่ค้าหลักของไทยได้ดีขึ้นต่อเนื่องในเกือบทุกตลาด โดยเฉพาะ อินเดีย อาเซียน-5 จีน และสหรัฐฯ

        ในส่วนของเครื่องชี้เศรษฐกิจไทยด้านอุปทาน ส่งสัญญาณปรับตัวดีขึ้น สะท้อนจากดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตร ขยายตัวที่ร้อยละ 4.9 ต่อปี จากการเพิ่มขึ้นของผลผลิตสำคัญ ได้แก่ ยางพารา มันสำปะหลัง และข้าวโพด ส่วนบริการด้านการท่องเที่ยว ในเดือนกันยายน 2564 มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจากโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ และอื่น ๆ รวมจำนวน 12,237 คน โดยส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจากสหรัฐฯ อิสราเอล เยอรมนี สหราชอาณาจักร และฝรั่งเศส สำหรับจำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย ในเดือนกันยายน 2564 อยู่ที่ 2,198,337 คน หรือคิดเป็นการหดตัวในอัตราชะลอลงที่ร้อยละ -80.6 ต่อปี

        ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี สัดส่วนหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2564 อยู่ที่ร้อยละ 57.0 ต่อ GDP ซึ่งยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลัง สำหรับเสถียรภาพภายนอกยังอยู่ในระดับที่มั่นคง และสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้