ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

รัฐบาล สนับสนุนบริจาคเงินผ่าน e- Donation เข้ากองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ช่วยนักเรียนยากจน

วันที่ลงข่าว: 30/06/21

            นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวานนี้ (29 มิ.ย.) อนุมัติขยายเวลาการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี สำหรับบุคคลธรรมดาและบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่บริจาคเงินหรือทรัพย์สินให้แก่กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) โดยสามารถหักลดหย่อนหรือหักเป็นรายจ่ายได้ 2 เท่าของจำนวนเงินที่บริจาค ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์  (e- Donation) ของกรมสรรพากร ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2564 ถึง 31 ธันวาคม 2566  (จากเดิมที่สิ้นสุด 31 ธันวาคม 2563) รวมทั้งเพิ่มเติมการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะและอากรแสตมป์ สำหรับเงินได้ที่ได้รับจากการโอนทรัพย์สิน หรือการขายสินค้า หรือสำหรับการกระทำตราสารอันเนื่องมาจากการบริจาคให้แก่กองทุนฯ 

            ฃกสศ. จัดตั้งขึ้นเพื่อใช้ในการช่วยเหลือนักเรียน ผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ช่วยลดความเหลื่อมล้ำในการศึกษาและพัฒนาคุณภาพประสิทธิภาพครู ซึ่งได้รับการจัดสรรงบประมาณจากรัฐ หรือจากผู้บริจาคทรัพย์สินเข้ากองทุน โดยดำเนินการในลักษณะการอุดหนุนช่วยเหลือ การส่งเสริมโอกาสทางการศึกษา (มอบทุนการศึกษาและพัฒนาคุณภาพ) และการศึกษาวิจัยนวัตกรรม

             สำหรับการดำเนินงานของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาในปี 2563  กสศ. ได้ช่วยเหลือโดยตรงไปแล้ว 1.07 ล้านคน ในส่วนของเงินบริจาคเข้ากองทุนในช่วงปี พ.ศ.2562-2563 มีจำนวน 23.71 ล้านบาท กสศ. ได้นำเงินบริจาคไปใช้ในการช่วยเหลือนักเรียนรวมทั้งสิ้น 46,331 คน แบ่งเป็น นักเรียนยากจนพิเศษที่มีภาวะทุพโภชนาการ จำนวน 40,167 คน นักเรียนยากจนพิเศษและเด็กนอกระบบการศึกษา  จำนวน 3,066 คน ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ให้กลับเข้าสู่ระบบการศึกษา  สามารถพัฒนาตนเองได้อย่างเต็มศักยภาพ นักเรียนยากจนและพิการ 1,298 คน ได้รับการช่วยเหลือเพื่อแบ่งเบาภาระครัวเรือนในช่วงสถานการณ์โควิด-19 และป้องกันไม่ให้หลุดออกจากระบบ และนักเรียนยากจนพิเศษที่มีภาวะทุพโภชนาการในพื้นที่ห่างไกล จำนวน 1,800 คน ให้ได้รับอาหารเช้าเพื่อการเรียนรู้ที่ดีขึ้นตลอด 1 ปี

ที่มาของข่าว สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก