วันที่ 4 มิ.ย.64 เวลา 13.30 น. นายบุญช่วย น้อยสันเทียะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร พร้อมด้วย นางสาวหทัยรัตน์ ฟองชล รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดมุกดาหาร นางสุพัตรา ไพฑูรย์ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดมุกดาหาร นายพรชัย พุดซ้อน นายอำเภอเมืองมุกดาหาร ปลัดเทศบาลเมืองมุกดาหาร และผู้แทนจากหลายหน่วยงาน เดินทางเยี่ยมบ้านกลุ่มเปราะบางของ นายเสวย ทัดศรี อายุ 61 ปี ซึ่งพิการประเภทที่ 3 ทางการเคลื่อนไหว อาศัยอยู่กับนางประนอม ทัดศรี อายุ 60 ปี และหลานสาว 1 คน อายุ 21 ปี ที่บ้านเลขที่ 8 ถ.มโนภิรมย์ ต.ศรีบุญเรือง อ.เมืองมุกดาหาร จ.มุกดาหาร

        จังหวัดมุกดาหาร โดยสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดมุกดาหาร ได้บูรณาการพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบางรายครัวเรือน ทำสมุดพกครอบครัวให้กับครอบครัวผู้พิการ พร้อมบูรณการความช่วยเหลือกับเหล่ากาชาดจังหวัดมุกดาหาร เทศบาลเมืองมุกดาหาร และภาคเอกชนมาให้กำลังใจ โดยได้มอบเงินสนับสนุนโครงการปรับสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยสำหรับคนพิการ จำนวน 20,000 บาท และมอบเงินช่วยเหลือเงินสงเคราะห์และฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการ จำนวน 3,000 บาท

        นางสุพัตรา ไพฑูรย์ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดมุกดาหาร กล่าวว่า ครอบครัวผู้พิการรายนี้ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป รายได้ไม่เพียงพอต่อการครองชีพ มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เบี้ยความพิการเดือนละ 1,000 บาทและเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เดือนละ 600 บาท สภาพที่อยู่อาศัยเป็นบ้านไม้ชั้นเดียวยกใต้ถุนสูง สภาพไม่มั่นคง ห้องน้ำสภาพทรุดโทรม จึงมีความต้องการสร้างใหม่ทั้งหลังให้แข็งแรงมั่นคง ถูกสุขลักษณะมากขึ้น ครอบครัวประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป ฐานะยากจน รายได้ไม่แน่นอน รายได้ไม่เพียงพอต่อการครองชีพ

        นายเสวย ทัดศรี เล่าว่า ตนเองอาศัยอยู่ที่บ้านหลังเดิมเป็นเวลากว่า 20 ปี มีบุตรด้วยกันกับนางประนอม ทัดศรี 4 คน ซึ่งต่างแยกย้ายไปทำงานที่กรุงเทพฯ ส่วนสาเหตุที่ต้องตัดขาข้างขวาเนื่องจากเมื่อปีที่แล้วตนเองได้ออกไปใส่เบ็ดจับปลาตามบึงน้ำแล้วเกิดเหยียบท่อนไม้ใต้น้ำทำให้เท้าเป็นแผลประกอบกับตนเองมีโรคประจำตัวเป็นโรคเบาหวานทำให้แผลเกิดติดเชื้อจนหมอต้องตัดบริเวณข้อเท้าขวาเพื่อป้องกันการลุกลามจึงทำให้ไม่สามารถออกไปทำมาหากินเหมือนแต่ก่อนได้

        ทั้งนี้ จากข้อมูล TPMAP ระบุว่าจังหวัดมุกดาหาร มีครัวเรือนเปราะบาง รวมทั้งสิ้น 412 ครอบครัว ซึ่งทางจังหวัดได้วางแผนให้ความช่วยเหลือตามความต้องการของครัวเรือนนั้นๆ โดยมีคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตอำเภอ และตำบล เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนต่อไป