ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

จังหวัดลำพูน จัดงานวันคนพิการสากล ประจำปี 2563

วันที่ลงข่าว: 19/03/21

        สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดลำพูน จัดงานวันคนพิการสากล ประจำปี 2563 สร้างคืนสังคมให้ดีกว่า มุ่งสู่สังคมชีวิต วิถีใหม่หลังโควิด -19

        ที่อาคารหอประชุม องค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดลำพูน จัดงานวันคนพิการสากล ประจำปี 2563 โดยมีนายวรยุทธ เนาวรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน เป็นประธานในพิธีเปิด พร้อมมอบโล่ประกาศเกียรติคุณคนพิการต้นแบบประจำปี 2563 การมอบใบประกาศเกียรติคุณสถานที่ที่เอื้อต่อคนพิการและป้ายสัญลักษณ์สถานที่ที่เป็นมิตรสำหรับคนพิการและทุกคน โดยมีนางมิ่งขวัญ วีระชาติ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดลำพูน พร้อมด้วยคณะเจ้าหน้าที่ คนพิการและผู้ดูแลคนพิการ องค์กรคนพิการ อาสาสมัคร รวมถึงองค์กรภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน รวมจำนวน 300 คน เข้าร่วมงาน 

        นางมิ่งขวัญ วีระชาติ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดลำพูน กล่าวว่า ตามที่องค์การสหประชาชาติ ประกาศให้วันที่ 3 ธันวาคมของทุกปีเป็นวันคนพิการสากลสำหรับปี 2563 จัดขึ้นภายใต้ประเด็นหลักขององค์กรสหประชาชาติ (UN) คือ สร้างคืนสังคมให้ดีกว่า มุ่งสู่สังคมชีวิต วิถีใหม่หลังโควิด -19 รวมคนทุกกลุ่ม เข้าถึงทุกคนสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นการให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูสังคมให้กลับคืนสู่สภาวะปกติและดีขึ้นกว่าเดิม ภายหลังจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) 

        สำหรับประเทศไทยในฐานะประเทศสมาชิกขององค์การสหประชาชาติได้จัดกิจกรรม เนื่องในโอกาสวันคนพิการสากลเป็นประจำทุกปี ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค สำหรับในปี 2563 กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จัดงานในส่วนกลางเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2563 ณ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และการจัดงานวันคนพิการสากลจังหวัดลำพูน ประจำปี 2563 ในวันนี้ จัดกิจกรรมภายใต้หัวข้อ "สร้างคืนสังคมให้ดีกว่ามุ่งสู่สังคมชีวิตวิถีใหม่หลังโควิด-19 รวมคนทุกกลุ่ม เข้าถึงทุกคนสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน 

        นอกจากนี้ กิจกรรมภายในงานยังได้มีการจัดการสาธิตการประกอบอาชีพของคนพิการและการจัดนิทรรศการจากส่วนราชการ และภาคีเครือข่าย พร้อมกับการแสดงดนตรี จากโรงเรียนสอนคนตาบอดจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อให้ผู้เข้าร่วมงานได้รับชมภายในงานอีกด้วย 

ที่มาของข่าว สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก