ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

สพฐ.จับมือ กสศ. ลดความเหลื่อมล้ำ ขยายกลุ่มเป้าหมายดูแลนักเรียนยากจน ครอบคลุม เด็กพิการ ด้อยโอกาสทุกประเภท

วันที่ลงข่าว: 09/09/20

          นายกวินทร์เกียรติ นนธ์พละ รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กล่าวในการประชุมเชิงปฏิบัติการพัฒนาหน่วยสนับสนุน "CCT MONITOR" ภายใต้โครงการจัดสรรเงินอุดหนุนนักเรียนยากจนพิเศษแบบมีเงื่อนไข พร้อมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ว่า โครงการนี้นับว่าประสบความสำเร็จในการปฏิรูปการจัดสรรงบประมาณเพื่อสร้างความเสมอภาคทางการศึกษา แต่นักเรียนกลุ่มนี้ก็ยังมีความเสี่ยงด้านอื่นๆ เช่น สุขภาพ การเรียนรู้ พฤติกรรม เป็นต้น อาจเป็นปัจจัยทำให้นักเรียนหลุดออกจากระบบการศึกษา ดังนั้น สพฐ. และ กสศ.จึงได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงฉบับนี้ เพื่อบูรณาการระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนในสถานศึกษาสังกัด สพฐ. ครอบคลุมนักเรียนพิการหรือด้อยโอกาส ที่สอดคล้องกับการพัฒนาตามศักยภาพเป็นรายบุคคลต่อไป

         ด้านนายไกรยส ภัทราวาท รองผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) กล่าวว่า สพฐ. เป็นหน่วยงานต้นสังกัดที่จัดการศึกษาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เด็กนักเรียนตั้งแต่อนุบาล-มัยธยมปลาย ร้อยละ 70-80 อยู่ในการดูแลของ สพฐ. ซึ่งโรงเรียนในสังกัด สพฐ. ส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่ห่างไกลทุรกันดาร จำเป็นต้องมีการทำงานร่วมกับ สพฐ. อย่างใกล้ชิด เพื่อสามารถอุดช่องโหว่ทางการศึกษาของครอบครัวที่ยังเข้าไม่ถึง ให้ได้รับการเติมเต็ม แต่การลงนามบันทึกความร่วมมือฉบับนี้จะทำให้ กสศ. มีโอกาสขยายผลการช่วยเหลือเข้าไปถึงโรงเรียนในสังกัด สพฐ. เพิ่มขึ้น ในส่วนของโรงเรียนสังกัดสำนักบริหารการศึกษาพิเศษ สพฐ. เช่น โรงเรียนเด็กด้อยโอกาสประเภทพิการ หรือกำพร้าพ่อแม่ โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ศึกษาสงเคราะห์ ที่เป็นโรงเรียนกินนอน โรงเรียนคนพิการ รวมถึงศูนย์การศึกษาพิเศษ ที่อยู่ตามจังหวัดต่างๆ ทำให้เราสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้เพิ่มอีกประมาณ 1-2 แสนคน อย่างไรก็ตาม กสศ.ขอขอบคุณความทุ่มเทตั้งใจของครูทั่วประเทศมากกว่า 400,000 คน ใน 225 เขตพื้นที่การศึกษาทั่วประเทศที่ลงพื้นที่เยี่ยมบ้าน คัดกรองนักเรียนเข้ามา รวมถึงเขตพื้นที่การศึกษาทั่วประเทศที่ช่วยกระตุ้นให้สถานศึกษาต่างๆ ให้ความร่วมมือในการกรอกข้อมูลเข้ามามากขึ้น คุณครู และผู้บริหารสถานศึกษาเหล่านี้จะเป็นกำลังสำคัญที่จะทำให้โครงการจัดสรรเงินอุดหนุนนักเรียนยากจนพิเศษแบบมีเงื่อนไข ไปถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างแท้จริงและประสบความสำเร็จ ซึ่งประโยชน์นี้จะเกิดแก่นักเรียนยากจนพิเศษทุกคน ที่สำคัญยังเป็นการช่วยเหลือเด็กนักเรียนยากจนด้อยโอกาสไม่ให้นักเรียนเสียสิทธิ์การรับทุนอีกด้วย ถือเป็นพลังสำคัญของการสร้างความเสมอภาคทางการศึกษา ทั้งนี้ กสศ. ได้บูรณาการระบบการเยี่ยมบ้านและการคัดกรองนักเรียนยากจนร่วมกันด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศที่ทันสมัย เพื่อส่งเสริมการดูแลช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมายจนสำเร็จการศึกษาขั้นพื้นฐานเพื่อป้องกันการหลุดออกจากระบบการศึกษา รวมทั้งลดเวลาการทำงานเอกสารของครูทุกคน เพื่อคืนเวลาให้ครูทุกคนกลับสู่ห้องเรียนได้มากขึ้น ซึ่งการดำเนินงานตรงนี้ได้มาจากข้อคิดเห็นของพื้นที่และครูที่ทำงานร่วมกันกับ กสศ. มาตลอด 2 ปี เบื้องต้นได้นำร่องใช้ใน 8 เขตพื้นที่การศึกษา 10 จังหวัด จากนั้นจะมีการนำข้อคิดเห็นมาปรับปรุงและพัฒนา ก่อนที่จะขยายผลไปใช้ในสถานศึกษาทั่วประเทศต่อไปในอนาคต

ที่มาของข่าว สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก