ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

เพราะโอกาสคือสิ่งที่มีค่า : ‘บาริสต้าทหารผ่านศึก’ น.อ.ศักดิ์มงคล น้อยทรง

วันที่ลงข่าว: 31/08/20

          ถึงแม้จะสูญเสียขาไปหนึ่งข้าง แต่กำลังแรงใจของเขายังอยู่ครบ และลุกขึ้นมาพิสูจน์ความสามารถของตนเองให้เป็นที่ประจักษ์ จากการเข้าร่วมในโครงการ Café Amazon for chance ซึ่งเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ยืนยันว่า ขอเพียงมี “โอกาส” มนุษย์ทุกคนก็สามารถแสดงศักยภาพของตนเองให้ปรากฎ

เมื่อต้นปี 2555 ขณะที่ “น.อ.ศักดิ์มงคล น้อยทรง” และทีมชุดปฏิบัติการกำลังเดินทางด้วยจักรยานยนต์ไปยังโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดนราธิวาส เพื่อไปดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับคุณครู แต่ในระหว่างทาง ได้มีผู้ก่อความไม่สงบดักซุ่มทำร้ายด้วยการลอบวางระเบิด ซึ่งเป็นเหตุให้ น.อ.ศักดิ์มงคล ถูกสะเก็ดระเบิด ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนถึงขั้นต้องตัดขาข้างซ้ายทิ้งไป

          จากคนหนุ่มที่ยังเติบโตได้อีกไกลบนเส้นทางสายทหาร น.อ.ศักดิ์มงคล กลายเป็นผู้พิการ ต้องใส่ขาเทียม เขาตัดสินใจลาออกจากราชการ และกลับไปอยู่บ้าน ... ณ ขณะนั้นเขายอมรับว่า มีความเศร้าใจอยู่บ้างเป็นบางช่วง แต่ไม่เคยรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจในสิ่งที่เกิดขึ้น และยังรู้สึกภาคภูมิใจเสมอกับการได้ปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว แม้สุดท้ายจะประสบเหตุร้ายก็ตามที

          “เคยร้องไห้บ้าง แต่ไม่เคยคิดที่จะทำร้ายตัวเอง และส่วนมากเวลาร้องไห้ ก็จะร้องเพราะรู้สึกสงสารพ่อแม่มากกว่า อีกอย่าง แม่ผมเป็นคนที่ร้องไห้ง่าย บางทีแกโทรศัพท์มาหา แต่น้ำเสียงของแก เรารู้เลยว่าแกจะร้องไห้ ก็เหมือนแกสงสารเรา คือเราอาจจะใช้ชีวิตไม่เหมือนคนอื่น อาจจะลำบาก และพอเราเห็นพ่อแม่ร้องไห้ เราก็อดร้องไห้ตามไม่ได้เหมือนกัน เพราะพ่อแม่คือคนให้ชีวิต และผมคิดว่า ตัวผมเองยังตอบแทนพ่อแม่ได้ไม่เต็มที่พอ งานก็ช่วยไม่ได้เหมือนคนอื่น เนื่องจากสภาพร่างกายที่เป็นอยู่ของผม”

          อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางโชคชะตาที่เลวร้าย น.อ.ศักดิ์มงคล เล่าว่า สิ่งหนึ่งซึ่งชุบชูจิตใจและเป็นแรงผลักดันให้เขามีพลังแรงใจในการดำเนินชีวิต ก็คือความรักความห่วงใยและกำลังใจจากคนรอบข้าง ทั้งพ่อแม่ พี่น้องผองเพื่อน และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง หญิงสาวคนรักที่ไม่เคยทอดทิ้งเขาไปไหน แม้ว่าสภาพร่างกายของเขาจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว

          “ก่อนจะลงไปประจำการในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ผมเพิ่งคบกับแฟนได้ไม่ถึงปี แต่หลังจากที่ผมเกิดเหตุ เขาก็ไม่เคยทอดทิ้งผม และบอกว่า พร้อมที่จะรับได้ในสภาพที่ผมเป็น” อดีตทหารกล้า บอกเล่าสั้น ๆ แต่ลึกซึ้งกินใจ

ภายหลังจากเข้าสังกัดในหน่วยองค์กรทหารผ่านศึก และกลับไปอยู่บ้านที่ต่างจังหวัด เนิ่นนานนับปี ก่อนที่ข่าวดีจะเดินไปหาถึงหน้าประตูบ้าน นั่นคือโครงการ Café Amazon for chance

          “หน่วยบัญชาการนาวิกโยธินที่ผมเคยสังกัดตอนรับราชการทหาร ได้ร่วมมือกับร้านกาแฟอเมซอนของ ปตท. เพื่อช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ซึ่งประสบเหตุระหว่างปฏิบัติงาน รวมถึงครอบครัวของผู้ประสบเหตุ เพื่อให้มีงานทำและมีรายได้ ซึ่งในส่วนของผม ก็ได้มาทำงานเป็นพนักงานชงกาแฟอยู่ที่ร้านคาเฟ่อเมซอน สาขาหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน อ.สัตหีบ ชลบุรี ที่เป็นเหมือนบ้านอีกหลังของผมด้วยครับ”

          ต้องบอกว่า นับเป็นโครงการที่ “ดีต่อใจ” โดยแท้จริง สำหรับ Café Amazon for chance ที่เล็งเห็นความสำคัญของกลุ่มคนด้อยโอกาส ไม่ว่าจะเป็นผู้พิการทางการได้ยิน ผู้บกพร่องทางการเรียนรู้ รวมไปจนถึงทหารผ่านศึกที่สูญเสียอวัยวะขณะปฏิบัติหน้าที่และกลายเป็นผู้พิการ โดยตั้งแต่ปี 2562 มาจถึงต้นปี 2563 โครงการ Café Amazon for chance ได้เปิดร้านกาแฟ Café Amazon for chance เป็นจำนวน 8 สาขา สามารถสร้างอาชีพให้แก่ผู้พิการทางการได้ยิน, ผู้พิการทางการเรียนรู้, ผู้สูงวัย โดยในปี 2563 นี้ก็มีแผนจะขยายไปอีกหลายสาขา และจะมีการเพิ่มไปยังกลุ่มเด็กหญิงจากบ้านเด็กหญิงธัญญาพรด้วย

“คำว่าโอกาส คือ ไม่ได้มีเสมอไป” น.อ.ศักดิ์มงคล น้อยทรง ซึ่งปัจจุบันเป็นบาริสต้าชงกาแฟ กล่าวถึงคุณค่าความหมายของโอกาสที่ตนได้รับ “เมื่อมีคนให้โอกาสเราแล้ว เราก็ต้องรับโอกาสนั้นไว้ เพราะว่าในอนาคต อาจจะไม่มีใครให้โอกาสเราแบบนี้อีกแล้ว”

          “สำหรับโอกาสที่ผมได้รับจากโครงการของ ปตท. ด้วยการได้ทำงานเป็นบาริสต้าในร้านคาเฟ่อเมซอนนี้ เปลี่ยนชีวิตผมอย่างมหาศาลเลยครับ จากที่อยู่บ้านเฉย ๆ ตอนนี้ผมรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่ากว่าเดิม เพราะมีงานทำ มีรายได้เสริม ช่วยเหลือครอบครัว” หนุ่มบาริสต้าอดีตทหารผ่านศึก เล่าถึงความรู้สึกที่เปลี่ยนแปลงไป ก่อนกล่าวทิ้งท้ายถึงโครงการ Café Amazon for chance ที่เข้ามาเปลี่ยนชีวิตของเขาไปในทางที่ดีขึ้น

          “ผมขอชื่นชมโครงการนี้มากเลยครับ ที่มองเห็นความสำคัญของคนด้อยโอกาส ผมอยากให้โครงการดี ๆ แบบนี้เกิดขึ้นในสังคมเยอะ ๆ ครับ เพราะผมเชื่อว่า ยังมีอีกหลายคนที่ต้องการโอกาสแบบเดียวกับผม ซึ่งความดีงามของโครงการนี้ก็คือ ไม่ใช่การเอาเงินไปให้ แต่ทำให้เขาได้ใช้ศักยภาพของตัวเองในการทำงานหาเงิน ตรงนี้ผมมองว่าไม่ใช่แค่เป็นการช่วยเหลือในด้านอาชีพ แต่ในแง่ของจิตใจ ก็ยังทำให้พวกเขาหรือคนแบบผม รู้สึกว่าตนเองมีคุณค่าขึ้นมาด้วยครับ เพราะได้ใช้ทักษะความสามารถของตนเองให้เกิดประโยชน์และมีคุณค่า”

 

ที่มาของข่าว https://mgronline.com/south/detail/9630000089078
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก