ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

43ร.ร.ผ่านเกณฑ์เฟ้นหานศ.ทุนนวัตกรรมสายอาชีพรุ่น2

วันที่ลงข่าว: 22/01/20

          กสศ.ประกาศผล 43 สถานศึกษาสายอาชีพ ร่วมโครงการทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง ปี 2563 หนุนเยาวชนช้างเผือก ม.3 ม.6/ปวช.3 หรือเทียบเท่า เก่ง-ดี-มีฝีมือ 2,450 ทุน รับสมัคร ระหว่าง 1 ก.พ.-2 มี.ค. 63

          เมื่อวันที่ 19 ม.ค. ที่ห้องประชุมแซฟไฟร์ 202 อาคารอิมแพคฟอรั่ม เมืองทองธานี กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา(กสศ.) จัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อปรับปรุงข้อเสนอโครงการทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง ระหว่างวันที่ 19 -20 ม.ค. 63 เพื่อชี้แจงและสร้างความเข้าใจแนวคิดและหลักการโครงการทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง รวมถึงปรับปรุงและพัฒนาข้อเสนอโครงการทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง ให้กับสถานศึกษาสายอาชีพที่ผ่านการพิจารณา และแลกเปลี่ยนเรียนรู้การแนะแนวประชาสัมพันธ์ ค้นหา คัดกรองความยากจน และคัดเลือกนักศึกษาผู้รับทุน โดยมีผู้เข้าร่วม 180 คน จากสถานศึกษา 43 แห่ง 34 จังหวัด 

           นายสุภกร บัวสาย ผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา(กสศ.) กล่าวว่า ตามที่ กสศ. เปิดรับข้อเสนอโครงการผ่านระบบออนไลน์จากสถานศึกษาสายอาชีพที่เปิดสอนในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง/อนุปริญญาทุกสังกัด เพื่อคัดเลือกเข้าร่วมโครงการทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง ปีการศึกษา 2563 ระหว่างวันที่ 18 พ.ย. - 9 ธ.ค. 62 มีสถานศึกษาส่งข้อเสนอโครงการจำนวน รวม 170 โครงการ จาก 136 แห่ง กสศ.ได้พิจารณาคัดเลือกข้อเสนอโครงการที่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาทั้งสิ้น 60 โครงการ ซึ่งจะดำเนินการในสถานศึกษาสายอาชีพ จำนวน 43 แห่ง ใน 34 จังหวัด มีจำนวนทุนทั้งสิ้น 2,450 ทุน

         สำหรับการพิจารณาคัดเลือกดำเนินการโดยคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนรวม 38 ท่าน โดยเป็นคณะอนุกรรมการกำกับทิศทางโครงการ ที่มี ศ.ดร.นักสิทธ์ คูวัฒนาชัย เป็นประธาน และคณะกรรมการพิจารณากลั่นกรองข้อเสนอโครงการจาก 3 ภาคส่วน ภาควิชาการ ภาคเอกชน และภาคสื่อมวลชน

ผู้จัดการ กสศ. กล่าวต่อไปว่า เนื่องจาก กสศ. มีงบประมาณจำกัดจึงสามารถสนับสนุนโครงการได้เพียงจำนวนหนึ่ง สำหรับโครงการที่ไม่ผ่านการพิจารณา เหตุผลสำคัญเนื่องจากสาขาวิชาชีพที่เสนอไม่สอดคล้องกับสาขาที่ กสศ. กำหนด ขาดข้อมูลเหตุผลประกอบความขาดแคลนที่ชัดเจน ขาดแนวทางนวัตกรรมตามกรอบคุณภาพ 6 ประเด็น ได้แก่ 1.ด้านความพร้อมความเชื่อมั่น ในคุณภาพสาขาหลักสูตร 2.การจัดแนะแนวและประชาสัมพันธ์เชิงรุกเกี่ยวกับทุนการศึกษา 3.วิธีการค้นหาและคัดเลือกนักเรียนเข้ารับทุน 4.ระบบดูแลความเป็นอยู่และสวัสดิภาพของผู้รับทุนให้สามารถเรียนจบตามกำหนดเวลา 5.การพัฒนาหลักสูตรและกระบวนการเรียนการสอนให้มีคุณภาพสูง 6.การส่งเสริมโอกาสการมีงานทำของผู้ที่จะจบการศึกษา 

          "เด็กที่มาจากครอบครัวยากจนส่วนมากไม่คาดหวังว่าจะได้เรียนต่อ ซึ่งหากสอบถามเด็กที่ได้รับทุนนวัตกรรมรุ่นที่ 1 จะเห็นว่าส่วนใหญ่ทราบเรื่องจากคุณครูน้อยมากที่จะทราบจากข่าวและโฆษณา ดังนั้นหากเราอยากเจอเด็กที่มาจากครอบครัวยากจน สถานศึกษาต้องลงพื้นที่ค้นหานักเรียนที่เข้าข่ายยากจนตามโรงเรียนในจังหวัดและจังหวัดใกล้เคียงตั้งแต่ที่เด็กยังเรียนไม่จบ เพื่อให้เด็กนักเรียนชั้น ม.3 และ ม.6 มีโอกาสทางการศึกษาในสายอาชีพ อีกทั้งยังเป็นการพัฒนาขีดความสามารถและคุณภาพการศึกษาทางด้านสายอาชีพอีกด้วย" นายสุภกร กล่าว

          นายสุภกร กล่าวอีกว่า ส่วนการดำเนินโครงการทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูงรุ่นที่ 2 นั้น กสศ. เน้นการทำงานเชิงรุกและเจาะกลุ่มเป้าหมายให้มากขึ้น โดยประสานงานกับพื้นที่อีอีซี หรือคุยกับสถาบันที่จะสามารถฝึกอาชีพให้เด็กพิการ แม้อาจจะยังทำได้จำนวนไม่มากในรุ่นที่ 2 แต่ กสศ. จะพยายามพัฒนาตัวแบบเฉพาะกลุ่มให้มากขึ้น เพื่อเป็นการขยายโอกาสและลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาให้เด็กอย่างแท้จริง

           อย่างไรก็ตามโครงการทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูงเป็นโครงการที่มีคนจับตาดู เพราะทำให้เกิดผลการเปลี่ยนแปลงในชีวิตของเด็กที่ขาดโอกาสนับหมื่นคน ดังนั้นถ้าโครงการสำเร็จก็จะทำให้เด็กได้รับโอกาสด้านทุนการศึกษาที่เพิ่มขึ้น แต่ถ้าเราทำไม่ได้ก็จะเป็นการตัดโอกาสเด็กสายอาชีพที่จะได้เป็นกำลังสำคัญในการที่จะพัฒนาประเทศต่อไปในอนาคต... อ่านต่อที่ : https://www.dailynews.co.th/education/752717

           ด้าน น.ส.ธันว์ธิดา วงศ์ประสงค์ ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมการมีส่วนร่วม นวัตกรรม และทุนการศึกษา กสศ. กล่าวว่า  ทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง แบ่งเป็น ทุน5 ปี (ปวช.ต่อเนื่องปวส.) จำนวน 1,640 ทุน สำหรับนักเรียนชั้นม.3ที่จะจบการศึกษาในปี 2562 และทุน2 ปี (ปวส. อนุปริญญา) จำนวน 810 ทุน  สำหรับนักเรียนชั้นม.6/ปวช.3 ที่จะจบการศึกษาในปี 2562 ส่วนเกณฑ์การรับสมัครนั้น จะพิจารณาจาก 3 หลักเกณฑ์สำคัญ 1. การขาดแคลนทุนทรัพย์หรือด้อยโอกาส โดยต้องเป็นนักเรียนยากจนหรือด้อยโอกาส มีรายได้เฉลี่ยสมาชิกครัวเรือนต่อคนต่อเดือนไม่เกิน 3,000 บาทและผ่านกระบวนการคัดกรองความยากจน 2. ศักยภาพในการเรียนต่อจนจบหลักสูตร โดยเป็นนักเรียนที่มีผลการเรียนสะสมดี เกรดเฉลี่ยสะสมตลอดช่วงชั้นไม่ต่ำกว่า 2.75 หรือภาคเรียนสุดท้ายมีเกรดเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 3.0  กรณีเป็นนักเรียนชั้นม.3 ที่ได้รับการจัดสรรเงินอุดหนุนนักเรียนยากจนพิเศษแบบมีเงื่อนไขของกสศ. มีเกรดเฉลี่ยสะสมอยู่ในระดับไม่เกินร้อยละ30 บนของระดับชั้นเมื่อเทียบกับกลุ่มนักเรียนม.3ของโรงเรียน หรือเป็นผู้มีความสามารถพิเศษโดดเด่นที่เกี่ยวข้องกับสาขาที่สถานศึกษาเปิดรับ ได้แก่ด้านทักษะฝีมือ และเชิงนวัตกรรม สิ่งประดิษฐ์ ได้รับรางวัลระดับกลุ่มโรงเรียน ระดับจังหวัด หรือระดับกลุ่มจังหวัด   และ 3. คุณสมบัติเฉพาะ อาทิ ความสนใจ ความถนัดและการมีเจตคติที่ดีต่อการเรียนสายอาชีพ โดยสิ่งที่นักศึกษาทุนจะได้รับการสนับสนุนค่าเล่าเรียนและค่าใช้จ่ายรายเดือน พร้อมกับกิจกรรมเสริมคุณภาพจนสำเร็จการศึกษากับผู้เชี่ยวชาญทั้งในและต่างประเทศ 

          “สถานศึกษาสายอาชีพทั้ง 43 แห่ง จะเปิดรับสมัครนักเรียนทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูงระหว่างวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ถึง 2 มีนาคม2563 ผู้สนใจสามารถสมัครทุนได้ได้โดยตรงกับสถานศึกษาที่เข้าร่วมโครงการ โดยสามารถตรวจสอบรายชื่อสถานศึกษา สาขาที่เปิดรับ และดาวน์โหลดแบบฟอร์มสมัครทุน ได้ที่www.eef.or.th  หรือ02-079-5475 กด2 ”น.ส.ธันว์ธิดา กล่าว 

          ขณะที่ ผศ.ดร.จำนงค์ จุลเอียด ผู้อำนวยการวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีนราธิวาส มหาวิทยาลัย นราธิวาสราชนครินทร์ กล่าวว่า พื้นที่จังหวัดนราธิวาส มีโรงเรียนขยายโอกาสตั้งอยู่หลายแห่ง ซึ่งเด็กๆ เขามีความตั้งใจจะเล่าเรียน แต่ด้วยสถานการณ์ความไม่งบของ 3 จังหวัด ทำให้ผู้ปกครองไม่สามารถออกไปทำงานประกอบอาชีพได้อย่างปกติ จึงไม่มีทุนทรัพย์ที่จะส่งให้เด็กได้เล่าเรียน ดังนั้น โครงการนี้ถือเป็นการให้โอกาสเด็กที่เรียนดีแต่ยากจน โดยเฉพาะเรื่องการสร้างโอกาสในวิชาชีพเกษตร สร้างนวัตกรรมใหม่ๆ เช่น สมาร์ทฟาร์มเมอร์ เพื่อพัฒนารูปแบบการผลิต

          “พอนักเรียนรู้ว่ามีโครงการนี้ พวกเขาตื่นเต้นดีใจมาก หลังจากนี้ทางวิทยาลัยจะประชุมวางแผนการดำเนินงาน เน้นคัดกรองคนหาเด็กที่ยากจน ตามเกณฑ์เงื่อนไขที่ กสศ. กำหนด โครงการนี้จะช่วยได้อย่างมาก ต้องขอบคุณภาครัฐและกสศ.ที่เปิดโอกาส ให้กับเด็กนราธิวาส" ผศ.ดร.จำนงค์ กล่าว

ที่มาของข่าว https://www.dailynews.co.th/education/752717
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก