ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

คอลัมน์: สถานีพัฒนาสังคม: การป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น

วันที่ลงข่าว: 19/08/19

         คณะอนุกรรมาธิการกิจการสตรี ในคณะกรรมาธิการการสังคม เด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้พิจารณาศึกษาประเด็นการตั้งครรภ์ ไม่พร้อมในวัยรุ่น ซึ่งเป็นปัญหาระดับชาติ มีสาระสำคัญ ดังนี้
          ๑.ผู้แทนจากสมาคมติดตามการพัฒนาสตรีในประเทศไทย ได้กล่าวถึง สถานการณ์ที่น่าห่วงใย ว่า- องค์การอนามัยโลก (WHO) เปิดเผยรายงานเกี่ยวกับสถานการณ์การตั้งครรภ์ของผู้หญิงอายุต่ำกว่า ๒๐ ปี ทั่วโลกในปี ๒๕๕๖ โดยประเทศไทยมีจำนวนสูงถึง ๗๔ คน ต่อ ๑,๐๐๐ คน เท่ากับประเทศมาเลเซีย และอยู่อันดับที่ ๒ รองจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
       - เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ราชอาณาจักรกัมพูชา และสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ซึ่งมีสถิติอยู่ที่ ๖๕ คน ต่อ ๑,๐๐๐ คน หรือสาธารณรัฐ อินโดนีเซีย ซึ่งมีประชากรมากที่สุดในภูมิภาค แต่มีสถิติเพียง ๖๙ คน ต่อ ๑,๐๐๐ คนเท่านั้น ขณะที่เกณฑ์มาตรฐานจากทั่วโลกอยู่ที่ ๖๕ คน ต่อ ๑,๐๐๐ คน
       - ในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ เยาวชนไทยตั้งครรภ์โดยไม่พร้อมเป็นลำดับที่ ๑ ของอาเซียน โดยประมาณ ๑๔๐,๐๐๐ รายต่อปี
หญิงชายได้รับผลกระทบด้านสุขภาพทางเพศต่างกัน- ร้อยละ ๘ ของผู้หญิงอายุต่ำกว่า ๒๐ ปี มีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกเพราะถูกบังคับ
      - มีผู้หญิงถูกข่มขืนวันละ ๑๔ ราย ทำให้มีโอกาสติดเชื้อเอชไอวี /เอดส์ ตั้งครรภ์ไม่พร้อม ได้มากกว่าปกติเพราะไม่ทันป้องกันตัว
      - กรณีการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่คาดคิดจะเกิดอะไรขึ้นกับหญิงและชาย อาจตั้งครรภ์ที่ไม่พร้อมติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ โรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ มะเร็งปากมดลูก โรคทางกรรมพันธุ์ และอื่นๆ
      - ไทยมีผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ ๑๔,๐๐๐ ราย ในปี พ.ศ. ๒๕๕๐ ในจำนวนนี้ร้อยละ ๔๐ ติดจากสามีและคู่ครอง ส่วนใหญ่ที่ติดอายุ ๑๕ - ๒๔ ปี มีวัยรุ่นติดเชื้อ ๓๐,๐๐๐ คน
      - เยาวชนที่เป็นนักเรียนอายุ ๑๕-๑๙ ปี มีการติดเชื้อกามโรคมากขึ้น
      - ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ เช่น การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สื่อทุกรูปแบบมีเนื้อหาผลิตซ้ำความรุนแรงทางเพศ
      - วัยรุ่นมีแนวโน้มคลอดเพิ่มขึ้นและคลอดเมื่ออายุน้อยลง โดยเฉพาะวัยรุ่นอายุ ๑๕-๑๗ ปี สาเหตุที่วัยรุ่นตั้งครรภ์เป็นผลมาจากการไม่ได้ป้องกัน
      - วัยรุ่นจำนวน ๑ ใน ๓ ไม่ได้ป้องกันการตั้งครรภ์เมื่อมี เพศสัมพันธ์ ประมาณครึ่งหนึ่งใช้ถุงยางอนามัย และเพียง ร้อยละ ๑๐.๗ เท่านั้นที่ใช้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน
      - ในขณะเดียวกันวัยรุ่นกลุ่มที่ชอบเที่ยวในสถานที่เริงรมย์ เช่น ผับ บาร์ จะมีอัตราการมีเพศสัมพันธ์มีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น การไม่ใช้ถุงยางอนามัย มีการดื่มแอลกอฮอล์และใช้สารเสพติดร่วมด้วยจะเสี่ยงต่อการถูกล่วงละเมิดทางเพศสูงกว่ากลุ่มอื่น
      - ทั้งนี้พบว่าวัยรุ่นหญิงอายุต่ำกว่า ๒๐ ปี ที่มีการตั้งครรภ์ ตัดสินใจทำแท้งเถื่อน ร้อยละ ๕๓ และเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ที่มีผลมาจากการทำแท้งถึงร้อยละ ๒๘.๕ และที่สำคัญมากกว่าร้อยละ ๒๕ ของวัยรุ่นหญิงกลุ่มนี้กลับมาตั้งครรภ์ภายในเวลา ๒ ปี
      - ด้วยเหตุที่ร่างกาย ระบบการเจริญพันธุ์ ค่านิยม ความคิดความเชื่อของสังคมมีมุมมองต่อผู้หญิงแตกต่างไปจากผู้ชายจึงทำให้ผู้หญิงต้องเผชิญกับปัญหาสุขภาพทางเพศ มีปัจจัยเสี่ยงที่แตกต่างและเผชิญปัญหามากกว่าชาย
          ๒.ผู้แทนคณะทำงานเรื่องการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น กองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติ(United Nations Population Fund - UNFPA) ประจำประเทศไทย ได้กล่าวว่าข้อมูลจากการวิจัยในประเทศ- พบว่าการตั้งครรภ์ในกลุ่มวัยรุ่นมีมากในพื้นที่นอกเขตเทศบาล ในกลุ่มที่มีการศึกษาไม่ถึงระดับอุดมศึกษา ในกลุ่มฐานะเศรษฐกิจของครัวเรือนปานกลางไปจนถึงยากจน
      - การถูกบังคับขืนใจ การละเมิดทางเพศ เป็นสาเหตุส่วนหนึ่ง - อัตราการใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ในกลุ่มวัยรุ่นมีไม่ถึงเพียงร้อยละ ๓๐ ทั้งหญิงและชายการขาดความรู้ ความเข้าใจเรื่องเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัยเนื่องจากการเรียนการสอนเรื่องเพศศึกษารอบด้านยังไม่ครอบคลุมในสถานศึกษาทุกแห่ง
      - จากสถิติพบว่า วัยรุ่นในกลุ่มอายุ ๑๕-๑๙ ปี ที่ออกจากระบบการศึกษาและทำงานแล้ว ส่วนใหญ่ทำอาชีพที่ไม่ต้องใช้ทักษะฝีมือมากนัก และประสบปัญหาในการหางานทำ
บทเรียนจากนานาชาติ : นโยบายและมาตรการที่ได้ผล- การทำงานเชิงรุกเพื่อคุ้มครองเด็กหญิงอายุน้อยกว่า ๑๕ ปีไม่ให้กลายเป็น "เด็กหญิงแม่"ในมิติทางกฎหมาย การมีเพศสัมพันธ์กับเด็กหญิงอายุไม่ถึง ๑๕ ปี นับเป็นความผิดอาญาและหากเด็กหญิงตั้งครรภ์จะต้องได้รับการยุติการตั้งครรภ์ตามกฎหมายโดยความสมัครใจ การเกิดกรณี "เด็กหญิงแม่" จึงเป็นเรื่องที่ป้องกันได้และควรทำทันที แต่จุดอ่อนคือมักไม่มีการเก็บข้อมูลที่ละเอียดมากพอว่าเด็กกลุ่มนี้เป็นใครและจะเข้าถึงได้อย่างไร จึงควรปรับปรุงระบบการเก็บข้อมูลให้ครอบคลุมเด็กกลุ่มวัยนี้ และรวบรวมข้อมูลเพื่อตรวจสอบปัจจัยที่ทำให้นักเรียนออกจากโรงเรียน กลางคัน ปัญหาความรุนแรงและการบังคับขืนใจ เพื่อนำข้อมูลมาออกแบบระบบป้องกันและช่วยเหลือที่สอดคล้องกับกลุ่มวัย
      - ลดการตั้งครรภ์และการคลอดซ้ำในหญิงที่มีอายุต่ำกว่า ๒๐ ปี โดยให้ความรู้เรื่องอนามัยการเจริญพันธุ์และการคุมกำเนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การให้บริการคุมกำเนิดแบบกึ่งถาวรซึ่งสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ ๓-๕ ปี และการใช้ถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีในกลุ่มพ่อแม่ วัยเยาว์ ซึ่งควรเป็นบริการที่ไม่ต้อง เสียค่าใช้จ่าย นอกจากนี้ควรมีมาตรการเฝ้าระวังและติดตามประเมินผล ความก้าวหน้าของการดำเนินงานที่ชัดเจน
      - มาตรการการคุมกำเนิดควรมีความสอดคล้องกับสภาพแวดล้อมทางสังคมและชีวิตประจำวันของวัยรุ่นกลุ่มเป้าหมาย โดยประเมินประสิทธิผลและความเป็นไปได้ของการจัดบริการถุงยางอนามัยและการคุมกำเนิดโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายทุกรูปแบบแก่วัยรุ่นกลุ่มเสี่ยงทั้งภายในและนอกสถานพยาบาล โดยคำนึงถึงการให้บริการที่รักษาความลับและความเป็นส่วนตัว ตลอดจนการให้คำปรึกษาที่เหมาะสมเพื่อให้วัยรุ่นสามารถร่วมตัดสินใจเรื่องการใช้วิธีการคุมกำเนิดที่เหมาะสมกับความต้องการของแต่ละคน ตลอดจนขจัดอุปสรรคต่างๆ ที่กีดขวางการเข้าถึงบริการเหล่านี้ เช่น อายุที่สามารถเข้ารับบริการได้โดยสมัครใจและไม่ต้องขอความยินยอมจากผู้ปกครอง
      - ลงทุนเรื่องการศึกษาถ้วนหน้าของเด็กทุกคน กล่าวคือต้องให้หลักประกันว่าเด็กทุกคนต้องได้รับการศึกษาอย่างมีคุณภาพ กรณีที่ตั้งครรภ์ ต้องให้หลักประกันว่าการตั้งครรภ์จะไม่เป็นปัจจัย ส่งผลต่อโอกาสทางการศึกษาและคุณภาพของการศึกษาที่ได้รับ และมีการดำเนินงานที่ละเอียดอ่อนเพื่อคุ้มครองสิทธิของเด็ก มีการ ศึกษาพบว่าหากแม่วัยรุ่นได้รับการศึกษาที่ต่อเนื่อง ได้รับความช่วยเหลือ ในการเลี้ยงดูบุตรระหว่างที่เรียนต่อ ได้รับทุนการศึกษาหรือเลี้ยงดู ตนเองและลูก และมีการช่วยเหลือดูแลด้านให้การปรึกษาที่ละเอียดอ่อน จะเป็นมาตรการที่ช่วยลดโอกาสตั้งครรภ์ซ้ำและเพิ่มคุณภาพชีวิต แม่วัยรุ่นและลูกในระยะยาว
      - วัยรุ่นต้องได้รับการเรียนรู้เรื่องเพศศึกษาที่รอบด้าน และบริการสุขภาพเมื่อตั้งครรภ์ที่เหมาะสมกับช่วงวัย เพศศึกษาที่ รอบด้านควรเป็นหลักสูตรการเรียนรู้สำหรับวัยรุ่นหญิงชาย เริ่มต้น ตั้งแต่ยังอายุน้อย โดยจัดหลักสูตรให้เหมาะสมกับช่วงวัย และครอบคลุมทั้งมิติกายภาพ พัฒนาการของร่างกาย สัมพันธภาพระหว่างบุคคล การดูแลสุขภาพ และสิทธิที่เกี่ยวข้อง นอกเหนือจากการเรียนรู้เรื่องเพศศึกษาที่รอบด้าน ควรจัดบริการสุขภาพทางเพศและอนามัยการเจริญพันธุ์ที่เหมาะสมกับวัยรุ่นโดยต้องเป็นบริการที่วัยรุ่นเข้าถึงได้ง่าย
      - เพิ่มการป้องกันกรณีการแต่งงาน/สมรส/อยู่กินของเด็กและวัยรุ่น รวมถึงความรุนแรงทางเพศ ควรเริ่มต้นจากการแก้ไขกฎหมายที่เปิดช่องให้มีการสมรสของผู้เยาว์และควรกำหนดอายุของการสมรสว่าไม่ควรต่ำกว่า ๑๘ ปี ตามหลักการสิทธิเด็ก นอกจากนี้ ควรมีการดำเนินงานแบบบูรณาการเพื่อแก้ไขค่านิยมที่ยอมรับการสมรสหรืออยู่กินกันของเด็ก การส่งเสริมค่านิยมที่เสริมพลังอำนาจในตนเอง (self - esteem) ของวัยรุ่น การส่งเสริมเรื่องการศึกษาและทักษะอาชีพ เพิ่มการเข้าถึงโอกาสทางเศรษฐกิจของวัยรุ่นเพื่อให้หาเลี้ยงตัวเองได้ในกรณีที่ออกจากระบบการศึกษา เป็นต้น ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องดำเนินงานด้วยกันแบบภาคีหุ้นส่วน นอกจากนี้ ในกรณีของการป้องกันความรุนแรงทางเพศ ควรเน้นหนักดำเนินการเรื่องการเปลี่ยนแปลงค่านิยมของเด็กผู้ชายและวัยรุ่นชายเรื่องการไม่ใช้ความรุนแรงต่อผู้อื่น และเปลี่ยนแปลงค่านิยมเด็กหญิงและวัยรุ่นหญิงเรื่องการไม่ยอมรับว่าความรุนแรงเป็นเรื่องปกติของความสัมพันธ์ระหว่างหญิงชาย และปรับปรุงมาตรการทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องการละเมิดทางเพศให้มีความศักดิ์สิทธิ์
      - สนับสนุนโครงการที่ออกแบบโดยคำนึงถึงความร่วมมือของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งในลักษณะของโครงการที่มีความร่วมมือในหลายระดับ และความร่วมมือของหลายภาคส่วน โดยควรหลีกเลี่ยงโครงการเชิงเดี่ยว ดำเนินการโดยหน่วยงานเดียว หรือมุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมายเดียว เนื่องจากระดับประสิทธิผลไม่เพียงพอ ต่อการป้องกันและแก้ไขปัญหาซึ่งมีความซับซ้อนและเกี่ยวข้อง กับหลายฝ่ายในสังคม
      - ดึงการมีส่วนร่วมของผู้ชายและเด็กชายอย่างจริงจัง โดยมุ่งเน้นสนับสนุนโครงการที่ออกแบบโดยคำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงฐานคิดเรื่องความเสมอภาคระหว่างเพศ ซึ่งได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นวิธีการที่ได้ผลกว่าการดำเนินงานให้กลุ่มเป้าหมายเข้าใจเรื่องความแตกต่างระหว่างหญิงชาย เท่านั้น
(อ่านต่อสัปดาห์หน้า)

ที่มาของข่าว https://www.ryt9.com/s/nnd/3029320
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก