ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

จังหวัดมุกดาหาร มอบเงินทุนกู้ยืมประกอบอาชีพกองทุนผู้สูงอายุ ประเภทรายบุคคล

วันที่ลงข่าว: 19/08/19

           วันที่ 16 สิงหาคม 2562 เวลา 11.00 น. ที่ห้องโถงด้านทิศตะวันออก ศาลากลางจังหวัดมุกดาหาร ชั้น 1 นายชยันต์ ศิริมาศ ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร มอบหมายให้นายศุภกร มูลสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เป็นประธานในพิธีมอบเงินทุนกู้ยืมประกอบอาชีพ กองทุนผู้สูงอายุ ประเภทรายบุคคล ซึ่งสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดมุกดาหาร จัดขึ้น เพื่อเป็นทุนสำหรับการประกอบอาชีพของผู้สูงอายุ ทั้งประเภทรายบุคคล และประเภทรายกลุ่ม
           นายศุภกรมูล สุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เปิดเผยว่า รัฐบาลโดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มีเป้าหมายสำคัญในการยกระดับและพัฒนาคุณภาพชีวิตของทุกกลุ่ม โดยเฉพาะ กลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มผู้ด้อยโอกาสและคนพิการ ซึ่งถือเป็นนโยบายเร่งด่วนที่รัฐบาลให้ความสำคัญ มุ่งลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมและสร้างโอกาสเข้าถึงบริการของรัฐ ภายใต้วิสัยทัศน์ " กองทุนผู้สูงอายุเป็นกลไกสนับสนุนเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุสู่สังคมคุณภาพด้วยความโปร่งใส " ผู้สูงอายุที่ได้มีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่ปลอดดอกเบี้ยนับว่าเป็นเรื่องที่ดีจึงขอให้ทุกท่านได้นำเงินไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดและตรงตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งใจไว้ ตลอดจนปฏิบัติตามเงื่อนไขในสัญญาอย่างเคร่งครัด ให้มีระเบียบวินัยในการใช้จ่ายเงินและวางแผน ให้มีการออมเพื่อเก็บไว้ใช้จ่ายยามจำเป็นขัดสน ขอให้น้อมนำเอาปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต
            ด้านนางมนัสนันท์ ศุภพิทักษ์สกุล พัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดมุกดาหาร เปิดเผยว่า กองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ มีรูปแบบการให้บริการ เพื่อเป็นทุนสำหรับการประกอบอาชีพของผู้สูงอายุ ทั้งประเภทรายบุคคล และประเภทรายกลุ่ม ประกอบด้วยการให้บริการกู้ยืมเงินแก่ผู้สูงอายุประเภทรายบุคคล รายละไม่เกิน 30,000 บาท และประเภทรายกลุ่มๆละไม่เกิน 100,000 บาท ผ่อนชำระภายในระยะเวลาไม่เกิน 3 ปี โดยไม่มีดอกเบี้ย ซึ่งจังหวัดมุกดาหาร เริ่มให้บริการเงินทุนกู้ยืมทุนประกอบอาชีพ กู้ยืมเงินจากกองทุนผู้สูงอายุ เพื่อนำไปประกอบอาชีพ มาตั้งแต่ปี พ.ศ 2552 จนถึงปัจจุบัน มีลูกหนี้กองทุนผู้สูงอายุทั้งหมด จำนวน 3,590 ราย คิดเป็นเงิน 35,707,255 บาท
 

ที่มาของข่าว สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก