ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

สุพรรณบุรี กองทุนหลวงพ่อดำ ซ่อมแซมบ้านที่อยู่อาศัยให้ผู้ยากไร้

วันที่ลงข่าว: 30/07/19

            พระครูพิพัฒน์สุวรรณาภรณ์ รองเจ้าคณะอำเภอศรีประจันต์ เจ้าอาวาสวัดหนองเพียร ต.บางงาม อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี ร่วมกับนางบุญเอื้อ สอดสี นายก อบต.บางงาม และกำนันผู้ใหญ่บ้าน มอบเงิน”กองทุนหลวงพ่อดำ”และเงินบริจาคจากชาวบ้าน กำนันผู้ใหญ่บ้าน ช่วยเหลือซ่อมแซมบ้านที่อยู่อาศัยให้กับนายนวม –นางมุด ดอกพุฒิ สองสามีภรรยา ที่อยู่กันตามลำพัง ที่บ้านเลขที่ 140 หมู่ 4 ต.บางงาม ซึ่งสภาพบ้านชำรุดทรุดโทรม เมื่อถึงฤดูฝนจะถูกฝนสาดแดดส่องเข้าไปในบ้านเพื่อถวายเป็นประราชกุศล วันพระราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 อันเป็นมหามงคลยิ่งของประเทศชาติ และประชาชนคนไทย

          โดยพระครูพิพัฒน์สุวรรณาภรณ์ รองเจ้าคณะอำเภอศรีประจันต์ กล่าวว่ากองทุนหลวงพ่อดำได้ร่วมกับ อบต. กำนัน ผู้ใหญ่ และชาวบ้าน ดำเนินซ่อมแซมบ้านให้กับผู้ยากไร้มาตั้งแต่ปี 2558โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อพัฒนา คุณภาพชีวิตผู้ยากไร้และผู้ด้อยโอกาสในพื้นที่ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ไม่ต้องเป็นภาระของสังคม ให้มีสภาพที่มั่นคงแข็งแรงสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างเหมาะสมและปลอดภัย นอกจากนี้ยังดูแลผู้สูงอายุ ผู้ยากไร้ ผู้เจ็บป่วย ที่ไร้คนดูแล โดยมีทีมงานจิตอาสาและ อบต.กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เข้าไปเยี่ยมเข้าไปดูแลเพื่อให้กำลังใจกับผู้ยากไร้เหล่านี้ เพื่อให้บุคคลเหล่านี้ได้มีกำลังใจในการอยู่ร่วมกับสังคม ไม่รู้สึกว่าถูกทอดทิ้ง 

          ด้านนางบุญเอื้อ สอดสี นายก อบต.บางงาม กล่าวว่าโครงสร้างประชากรไทยอยู่ในระยะที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยประชากรสูงอายุ (อายุ ๖๐ ปีขึ้นไป) มีจำนวนและสัดส่วนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันผู้สูงอายุมีอายุยืนยาวขึ้นมีปัญหาด้านสุขภาพ โรคภัยไข้เจ็บ ความพิการและทุพพลภาพเพิ่มมากขึ้น ทำให้จำนวนผู้สูงอายุภายในชุมชนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่มีลักษณะความเป็นสังคมเมือง ลูกหลานออกไปทำงานนอกบ้าน ทำให้ผู้สูงอายุต้องเผชิญกับปัญหาหลายๆ ด้าน เช่น ผู้สูงอายุอยู่ตามลำพังหรือสังคมให้ความสำคัญต่อผู้สูงอายุน้อยลง ประกอบผู้สูงอายุประสบปัญหาสุขภาพ กิจกรรมที่ทำร่วมกันครั้งนี้ จะทำให้เกิดความรู้สึกว่าคนเหล่านี้ไม่โดดเดี่ยว เหงา หรือถูกทอดทิ้ง มีกำลังใจที่จะอยู่ร่วมกับสังคมต่อไป

ที่มาของข่าว สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก