ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

นศ.วัย 20 ปีเหยื่อเก๋งลูกตร.ชน กลายเป็นคนพิการ หวั่นไม่ได้รับความเป็นธรรม

วันที่ลงข่าว: 13/05/19

          ครูสาวลูก ตร.ที่กระบี่ ซิ่งเก๋งชน นศ.วัย 20 กลายเป็นคนพิการ ญาติเกรงบิดคดีให้เด็กผิด เผยเรื่องราวของ นศ.สาววัย 20 ปี สุดรันทดชีวิต เป็นเด็กกำพร้าพ่อและแม่ เหยื่อมีความฝันอยากเป็นครู

          วันที่ 12 พ.ค. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านเลขที่ 62 หมู่ 8 ต.เกาะลันตาใหญ่ อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ หลังมีผู้นำเรื่องราวของ น.ส.ปวีณา หรือน้องตุ๊กตา เอียดชูทอง อายุ 20 ปี นศ.ชั้น ปวส.2 แผนกการโรงแรม วิทยาลัยเทคนิคกระบี่ ซึ่งได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ จนเจ้าตัวหมดอนาคตทางการศึกษา กลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง มาเผยแพร่ผ่านทางสังคมออนไลน์ใน จ.กระบี่ โดยที่บ้านหลังดังกล่าวมีนายสนิท ลู่เด็นบุตร อายุ 50 ปี ผญบ.หมู่ 8 ต.เกาะลันตาใหญ่ และ นางอุษา ลู่เด็นบุตร อายุ 50 ปี ภรรยา เป็นเจ้าของบ้าน ต้องพบกับภาพที่น่าเวทนา ของ น.ส.ปวีณา ที่นอนป่วยอยู่บนเตียง จากอุบัติเหตุรถชนจนศีรษะกระแทกอย่างรุนแรง สมองได้รับการกระทบกระเทือน

นางอุษา เล่าให้ฟังว่า น้องตุ๊กตา เดิมเป็นลูกสาวของลูกพี่ลูกน้องนายสนิท ผู้เป็นสามีตน โดยเมื่อตอนที่ น้องตุ๊กตา อายุได้ 14 ปี แม่ของน้องป่วยและเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง ก่อนนั้นพ่อของน้องก็เพิ่งเสียชีวิตด้วยอาการป่วยไปเช่นกัน และฝากฝังให้ตนและภรรยา ช่วยดูแลน้องต่อ โดยให้น้องได้รับการศึกษาเพื่อนอนาคตที่ดี ตนและภรรยาจึงรับเลี้ยงน้องมาตั้งแต่นั้น โดยรักเหมือนลูกสาวคนหนึ่ง เพราะตนและภรรยามีเพียงลูกชาย 2 คน ไม่มีลูกสาว จึงรับน้องเป็นบุตรบุญธรรม แต่ยังไม่ได้จดทะเบียนรับเป็นบุตรตามกฎหมาย เพราะน้องอายุยังไม่ครบ 20 ปี ตลอดเวลาที่เลี้ยงดูมา น้องเป็นเด็กร่าเริง มีความรับผิดชอบสูงมาก เรียนดี นิสัยน่ารัก น้องตั้งใจเรียนมากบอกว่าอนาคตอยากจะเป็นครู แต่ตนและสามีขอให้น้องเรียนสายอาชีพก่อน เพื่อมีงานทำ หลังจากนั้นค่อยเรียนต่อเป็นครูตามที่ตั้งใจ แต่น้องก็มาประสบอุบัติเหตุเสียก่อน เป็นสิ่งที่ตนยอมรับไม่ได้ โดยเฉพาะหมอลงความเห็นว่าน้องพิการ

          นายสนิท เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า เมื่อคืนวันที่ 26 ก.พ.62 ที่ผ่านมา ขณะที่น้องตุ๊กตา ขับรถ จยย.พาเพื่อนอีกคนไปกินข้าวกัน และกำลังขับรถกลับหอพักในตัวเมืองกระบี่ มาถึงจุดเกิดเหตุบริเวณถนนกระบี่ ปากทางเข้าซอยโบส์ตคริสต์ ต.ปากน้ำ อ.เมือง กำลังจะเลี้ยวรถเพื่อยูเทิร์นกลับ ก็มีรถเก๋งฮอนด้าซิตี้ สีขาว ทะเบียน กว 8365 สุราษฎร์ธานี ขับมาอย่างเร็ว ชนเข้ากับรถของน้องอย่างแรง จนตัวน้องตุ๊กตา กระเด็นศีรษะกระแทกพื้น สมองบวม ส่วนเพื่อนอีกคนกระเด็นลอยขึ้นไปตกลงบนหลังคารถเก๋ง ขาหัก ศีรษะกระแทก ตัวน้องตุ๊กตา ต้องเข้ารับการผ่าตัดสมองเพื่อรักษา แต่หลังการผ่าตัด น้องก็มีอาการหายใจไม่ได้ ร่างกายเริ่มขยับไม่ได้ ต้องนอนติดเตียงอยู่นานหลายเดือน กระทั่งหมอลงความเห็นว่าน้องพิการ จึงต้องนำกลับมานอนพักรักษาตัวต่อที่บ้าน โดยตนพร้อมภรรยา และญาติๆ ต้องช่วยกันดูแล โดยออกเงินค่ารักษาเองบางส่วน อีกบางส่วนก็ใช้สิทธิบัตรทองของน้อง

          นายสนิท เล่าต่อว่า ในส่วนของคดี ตนมอบถามไปยัง สภ.เมืองกระบี่ ทราบว่าพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีคือ ร.ต.อ.สัญญา แก้วนุ้ย รอง สว.(สอบสวน) โดยเหตุการณ์ผ่านมา 2 เดือนเศษ คดียังไม่มีความคืบหน้า ทางตำรวจบอกกับตนว่ายังไม่สามารถสอบปากคำผู้เสียหายได้ โดยตำรวจอ้างว่ารถ จยย.ของน้องตุ๊กตา ไม่ได้เลี้ยวยูเทิร์น แต่จะเลี้ยวตัดเข้าซอยฝั่งตรงข้าม ทำให้เลี้ยวไปตัดหน้ารถเก๋งคันดังกล่าว ซึ่งขัดกับสิ่งที่เพื่อนน้องเล่าให้ฟัง ว่ารถน้องจะเลี้ยวเพื่อยูเทิร์น ไม่ได้เลี้ยวตัดถนนเข้าซอยตามที่ตำรวจบอก เบื้องต้นตนทราบว่ารถเก๋งคันดังกล่าว คนขับเป็นผู้หญิง เป็นครูโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.คลองท่อม จ.กระบี่ และเป็นลูกของตำรวจใน จ.กระบี่ ตนจึงไม่เข้าใจว่าทำไมตำรวจถึงไม่เชื่อคำให้การของผู้เสียหายอีกคนที่มาด้วยกันกับน้องตุ๊กตา อยากให้ตำรวจเร่งทำคดีให้เร็วกว่านี้ หากชี้ว่าน้องตุ๊กตา เป็นฝ่ายประมาทเอง ตนก็พร้อมจะต่อสู้ทางคดี และอยากให้คู่กรณีมารับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น

          ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวเดินทางไปสอบถามเรื่องนี้จาก น.ส.อินทิรา เด่นมาลัย อายุ 20 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนเรียนห้องเดียวกับ น้องตุ๊กตา และซ้อนท้าย จยย.มาด้วยกันในวันเกิดเหตุ โดย น.ส.อินทิรา ยังไม่สามารถเดินได้ เพราะขาซ้ายหัก เจ้าตัว เล่าว่า ในคืนเกิดเหตุ ยืนยันว่าน้องตุ๊กตา ไม่ได้เลี้ยวรถเข้าซอยแล้วไปตัดหน้ารถเก๋ง ตามที่ตำรวจบอก รถของพวกตนกำลังจะยูเทิร์น เพื่อกลับหอพัก แต่รถเก๋งคันดังกล่าวขับมาด้วยความเร็ว และชนเข้าอย่างจัง ตนยังยืนยันว่าเหตุการณ์ไม่เป็นตามที่ตำรวจบอก สำหรับ น.ส.ปวีณา เป็นเพื่อนเรียน และเช่าหอพักอยู่ด้วยกัน ตนจะสนิทกันมาก ไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ น.ส.ปวีณา เป็นเด็กที่ดีมาก นิสัยน่ารัก ขยันเรียน เรียนดี และมีอนาคตที่ดี ทันทีที่ทราบข่าวเพื่อนต้องเจ็บจนหมดอนาคต ก็รู้สึกเสียใจมาก แต่ยังมีความหวัง อยากให้เพื่อนหายดีและกลับมาเรียนด้วยกันอีก

          ขณะที่ นางกิ่งกาญจน์ เด่นมาลัย อายุ 53 ปี แม่ของ น.ส.อินทิรา กล่าวด้วยว่า น้องตุ๊กตา กับลูกสาวเป็นเพื่อนที่สนิทกันมา บางครั้งก็จะแวะมานอนค้างที่บ้านตนประจำ ตนรู้เรื่องราวของน้อง ก็รู้สึกเอ็นดู สงสาร และรักน้องเหมือนลูกคนหนึ่ง พอทราบข่าวก็ตกใจมาก เสียดายอนาคตของน้องตุ๊กตา เพราะทั้งคู่กำลังจะเรียนจบอีกเพียงเทอมเดียว แต่ต้องมาหมดอนาคตไปเสียก่อน ลูกสาวตนยังโชคดี ที่แค่ขาหัก ตนยังมีความหวังอยากเห็นน้องตุ๊กตา หายดีกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง อยากให้คนที่ขับรถชน ซึ่งเป็นถึงครูบาอาจารย์ มีจิตสำนึกที่จะรับผิดชอบด้วย ที่ผ่านมามีเพียงจ่ายช่วยเหลือมาให้ลูกสาว และน้องตุ๊กตา แค่คนละ 10,000 บาท หลังจากนั้นก็เงียบหายไปเลย ไม่เคยมาดูแลหรือแสดงความรับผิดชอบใดๆ

          ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับความคืบหน้าของคดี ล่าสุดทาง ร.ต.อ.สัญญา เจ้าของคดี นัดให้ น.ส.อินทิรา เข้าให้ปากคำอีกครั้งในวันที่ 21 พ.ค.นี้ โดยก่อนนี้ตำรวจเคยสอบปากคำ น.ส.อินทิรา มาแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่ง น.ส.อินทิรา ยืนยันว่าไม่ได้เลี้ยวรถตัดหน้าเพื่อนเข้าไปในซอยอีกฝั่งถนน แต่เป็นการเลี้ยวเพื่อนยูเทิร์น โดยจุดเกิดเหตุ ยังพบร่องรอยสีสเปรย์ของตำรวจที่พ่นไว้ติดกับเกาะกลางถนน ส่วนคู่กรณี ทราบว่าเป็นครูสาวประจำโรงเรียนกาญจนภิเษกวิทยาลัย อ.คลองท่อม จ.กระบี่ มีพ่อเป็นตำรวจใน จ.กระบี่ สำหรับผู้ที่ต้องการช่วยเหลือด้านการรักษากับ น.ส.ปวีณา สามารถติดต่อไปที่นายสนิท พ่อบุญธรรมของน้องที่เบอร์ 098-9742897 หรือบริจาคช่วยเหลือที่บัญชี นางอุษา ลู่เด็นบุตร (แม่บุญธรรม) ธนาคารกรุงไทย สาขาเกาะลันตา เลขบัญชี 973-0-03498-2

ที่มาของข่าว http://www.banmuang.co.th/news/region/150561
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก