“มิสเจเนวีฟ คอลฟีลด์”
ในปี พ.ศ. 2466 ได้เดินทางไปทำงานเป็นครูสอนภาษาอังกฤษและเป็นนักศึกษาของสถาบันการศึกษาสังคมและการเมืองในประเทศญี่ปุ่น ในระยะนี้เอง มิสคอลฟีลด์ ได้มีโอกาสพบกับนายแพทย์ฝน แสงสิงแก้ว ซึ่งขณะนั้นเป็นรองผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา เดินทางไปดูงานที่ประเทศญี่ปุ่น คุณหมอฝนทำให้มิสคอลฟีลด์ได้ทราบว่าสถานภาพของคนตาบอดในประเทศไทย ยังไม่มีใครให้ความสนใจหรือดำเนินการช่วยเหลือในด้านการศึกษาให้อย่างจริงจัง และด้วยการสนับสนุนช่วยเหลืออย่างดียิ่งจากคุณหมอฝน มิสคอลฟีลด์ จึงได้เดินทางมาสำรวจสถานภาพของคนตาบอดในประเทศไทยเป็นระยะสั้นๆในเวลาต่อมา และได้ตั้งใจว่าจะกลับมาช่วยเด็กตาบอดไทยให้ได้ แม้ด้วยทุนรอนและด้วยลำแข้งของตนเอง
มิสคอลฟีลด์ ได้เริ่มงานพัฒนาคนตาบอดไทย โดยการจัดตั้งโรงเรียนสอนเด็กตาบอดขึ้นในปีพ.ศ. 2482 ที่บ้านหลังเล็กๆ ในซอยศาลาแดง สีลม ด้วยความวิริยะอุตสาหะ และร่วมกันกับนักศึกษาไทยประดิษฐ์อักษรเบรลล์ภาษาไทยขึ้นเมื่อเทียบกับอักษรเบรลล์ภาษาอังกฤษซึ่งมีพยัญชนะและสระรวมกัน 26 ตัวแล้ว ถือได้ว่าเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่เพราะอักษรเบรลล์ภาษาไทยมีพยัญชนะ 44 ตัว สระ 32 รูป วรรณยุกต์ 5 เสียง รวมทั้งเครื่องหมายต่างๆอีก 4 รูป และด้วยความคิดที่ก้าวไกล มิสคอลฟีลด์ ได้วางแนวทางที่จะจดทะเบียนมูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทยด้วย ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ต้องโยกย้ายนักเรียนตาบอดหลบภัยสงครามที่ราชบุรีและหัวหิน เมื่อสงครามสงบแล้วจึงย้ายกลับกรุงเทพฯตามเดิม
มิสคอลฟีลด์ ถึงแก่กรรมที่โรงพยาบาลคามิลเลียน สุขุมวิท กรุงเทพฯ ด้วยโรคชราภาพ เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2515 สิริอายุ 84 ปี ร่างของท่านฝังไว้ ณ สุสานสามเสนในประเทศไทย อันเป็นแผ่นดินที่ท่านรักนี้เอง คณะศิษย์ตาบอดต่างสำนึกในพระคุณของมิสคอลฟีลด์ ในฐานะผู้ให้กำเนิดการศึกษาของคนตาบอดในประเทศไทย จึงได้หาทุนและดำเนินการก่อสร้างอนุสาวรีย์ของท่าน ซึ่งประดิษฐาน ณ โรงเรียนสอนคนตาบอดกรุงเทพ กระทำพิธีเปิดโดย ฯพณฯ จอมพลถนอม กิตติขจร เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2526 ปฏิมากรคืออาจารย์มีเซียม ยิบอินซอย และได้จัดการชุมนุมศิษย์ตาบอดตลอดจนมิตรสหายของมิสคอลฟีลด์ ในวันที่ 12 ธันวาคมของทุกปี