พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ ผู้ทรงเป็นอัครศิลปิน “คีตราชัน”
หีบดนตรี ที่พระองค์ได้สั่งนำเข้ามาจาก สวิตเซอร์แลนด์ ตั้งแต่ปี ๒๔๙๔ ตอนนั้นเป็นสิ่งที่แปลกประหลาดเป็นสิ่งที่พวกเราดีใจมาก วิทยุก็ยังไม่มีอะไร ท่านรู้ว่าพวกเราคนตาบอดชอบดนตรีมาก พระองค์พระราชทานโดยสั่งมาจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ Music Box มีทั้งหมด ๘ เพลง และต้องไขลานจนเต็มสามารถเล่นได้ ๑๕ นาที บนฝาได้จารึกพระปรมาภิไธย ภ.อ. คือ ภูมิพลอดุลยเดช และ ส.ก. คือ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ และในปีเดียวกันนี้พระองค์ได้พระราชทานพระราชนิพนธ์ เพลงยิ้มสู้ ซึ่งก็โด่งดังมาจนถึงทุกวันนี้
พระองค์มีกระแสรับสั่งว่า ให้วงดนตรีโรงเรียนสอนคนตาบอดมาแสดงถวายหน้าพระที่นั่งที่ในสถานีวิทยุ อส. ในพระราชวังดุสิต ก็ซ้อมกัน ก็ส่ง คุณแมน ศรีกุลานนท์ คุณปรีชา เมตตัย มาสอนว่าพระองค์ทรงชอบเพลง (Dixieland Jazz) เพลง New Orleans Jazz พวกเราก็ซ้อมกัน เมื่อไปเข้าวัง ขณะที่รอเสด็จพวกเราก็ยังซนกันอยู่ก็คลำเครื่องดนตรีของพระองค์ว่านี่เป็นดับเบิ้ลเบส นี่เป็นซาโลโฟน พระองค์เสด็จมาเมื่อไหร่ไม่ไม่ทราบได้แต่ พระองค์ทรงโบกมือทำสัญญาณไม่ให้บอก พระองค์อยากดูว่าพวกเราเป็นธรรมชาติ แต่พวกเราก็ไหวทัน ทุกคนเงียบกันหมด ก็คิดว่าต้องมีอะไรแน่นอน พระองค์ท่านก็เสด็จมาแล้วทรงจับมือของพวกเราโดยไม่ถือพระองค์ แล้วพระองค์ทรงสอนพวกเราว่านี่คือระนาดฝรั่ง นี่คือแซกโซโฟน หลังจากนั้นก็ไปประจำที่นั่งที่จะเล่นถวาย
การที่พวกเราจะสู้ชีวิตได้ก็ได้แรงบันดานใจจากเพลง ยิ้มสู้ มีประโยชน์มีความหมายทุกวรรค แล้วสามารถนำใช้ได้จริงๆ โลกจะสุขสบายนั้นเป็นได้หลายทาง หลบหลีสิ่งกีดขวางหนทางให้พ้นไป เวลาเราเดินทางอะไรกีดขวางนึกในใจเพลงนี้ก็เหมือนคาถาเลย
มีโอกาสได้ไปตั้งเสียงเปียโนที่ วังไกกังวล มีกำหนดพักที่นั่น ๓ วัน ๒ คืน คืนสุดท้ายมหาเล็กบอกว่ามีกระแสรับสั่ง ให้ไปฟังดนตรีทรงที่หาดทรายวันนี้มีงาน อ.กับผมก็ตื่นเต้น ขณะที่กำลังเดินอยู่มหาดเล็กพามาก็บอกนี่ตรงนี้พระองค์จะเสด็จผ่าน พวกเราก็หยุดและถวายคำนับพระองค์ก็ผ่านแล้วมหาดเล็กก็กราบทูลรายงานว่า มีอาจารย์ที่ตั้งเสียงเปียโนกับลูกศิษย์มาด้วย พระองค์บอก อุตสาห์มานะ ดูแลเขานะ พาไปฟังดนตรี แล้วดูแลด้วยเรื่องอาหารการกิน พวกเราฟังตั้งแต่ ๒ทุ่มจนถึงรุ่งเช้ายังไม่เบื่อเลย พระองค์ทรงแซกโซโฟน ทรงทรัมเปด ทรงแพเรเน็ต ทรอมโบน พระองค์ท่านมีพระปรีชาสามารถมากๆ สมเป็นคีตราชัน