“มุมมองของนักดนตรีมืออาชีพกับลูกศิษย์คนพิการ ตอน 1”
ในโลกปัจจุบันเป็นโลกของการแข่งขัน เป็นโลกแห่งการเจริญของวัตถุ ทุกคนต่างแก่งแย่งเพื่อให้ตัวเองมีชีวิตอยู่รอด ส่งผลให้เกิดโรคที่ไม่ติดต่ออย่างหนึ่งนั่นคือโรคเครียด โรควิตกกังวลเมื่อมีภาวะนี้ยาวนานก็จะส่งผลให้เกิดภาวะซึมเศร้าหรือเกิดภาวะวิกฤตทางสุขภาพจิตได้และมีภาวะเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย การแก้ปัญหาผู้ป่วยจิตเวชเดิมนั้นเป็นหน้าที่โดยตรงของเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ผู้ป่วยจิตเวชจะถูกมองว่าเป็นบุคคลที่ไม่มีความสามารถ เป็นภาระของสังคม เมื่อเจ็บป่วยแล้วต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลจิตเวชตลอดชีวิต แต่ในความเป็นจริงแล้วผู้ป่วยจิตเวชก็คือคน คนหนึ่ง ที่ต้องอยู่ร่วมกับคนที่ตนรัก ต้องการให้ทุกคนเห็นคุณค่าในตัวเขา และเมื่อได้รับการบำบัดรักษาจนอาการทุเลาแล้ว สามารถกลับไปปฏิบัติภารกิจต่างๆได้ หากเพียงคนรอบข้าง คนใกล้เคียงหรือคนในชุมชนให้โอกาส ให้กำลังใจช่วยกันดูแลเป็นสิ่งแวดล้อมที่ดี ดังนั้นการทำให้ครอบครัวและชุมชนมีความเข้าใจ มีส่วนร่วมในการดูแล ผู้ป่วยจิตเวชในชุมชนสามารถช่วยเหลือตนเองและประกอบอาชีพตามความเหมาะสมและลดโอกาสการป่วยซ้ำได้
ทางเครือข่ายออกดำเนินการเฝ้าระวังตามระบบคัดกรอง กลุ่มเสี่ยง ติดตามการรักษาและคอยเป็นพี่เลี้ยงในการกินยาตามแผนการรักษาของแพทย์ มีการประสานงานพัฒนาชุมชน สนับสนุนการเรียนรู้เรื่องอาชีพเสริมที่เหมาะสมกับผู้ป่วยและครอบครัว และหาแหล่งทุนสนับสนุนเพื่อจัดตั้งกองทุนช่วยเหลือผู้ป่วยจิตเวชและครอบครัว ในการดูแลแบบองค์รวม ทั้งด้านสุขภาพกาย สุขภาพใจ สังคมและเศรษฐกิจ ตลอดจนความเป็นอยู่ของครอบครัว
การติดตามและประเมินผล มีการติดตามเยี่ยมผู้ป่วยโรคจิต โดยแกนนำ อสม.เดือนละ 1 ครั้งพร้อมรายงาน มีการบันทึกกิจกรรมการติดตามเยี่ยม ผลการดำเนินงานและประเมินผู้ป่วยทุกเดือน มีการประเมินผู้ป่วยและติดตามการรักษา ติดตามความก้าวหน้าของการรักษา
ผลที่คาดว่าจะได้รับคือ ชุมชนเห็นความสำคัญ มีทัศนคติที่ดีและให้การยอมรับต่อผู้ป่วย พร้อมที่จะให้การช่วยเหลือผู้ป่วยและครอบครัวในชุมชน ผู้ป่วยจิตเวชได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่องและไม่มีการกลับเป็นซ้ำ ลดปัญหาความรุนแรงและป้องปรามปัญหาอาชญากรรมในชุมชน