ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

“เพศศึกษากับคนพิการ ตอนที่ 1”

บทสัมภาษณ์ : คุณเทิดเกียรติ ฉายจรุง อาจารย์ประจำสาขาการศึกษาพิเศษและภาษาไทยคณะครุศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม และอดีตนักให้คำปรึกษาเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการ สถาบันสิรินธร เพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์แห่งชาติ กรมการแพทย์

          เทิดเกียรติ  ฉายจรุง กล่าวว่า เพศศึกษา หมายถึง เรื่องของธรรมชาติที่เกิดขึ้นแต่กลับกัน ขัดกับความละเอียดของคนบางกลุ่มบางคนที่รู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่มันสกปรก น่าอับอายขายหน้า ในบางประเทศกราบไหว้ ศิวลึงค์ เป็นตัวแทนของมนุษย์ ประเทศญี่ปุ่นมีแห่รอบบ้านรอบเมือง เรื่องการสร้างมนุษย์ สามารถมองถึงสิ่งที่ทำให้คนเกิดก่อนได้ แม้กระทั่งประเทศไทยในปัจจุบัน มีปลัดขิกแขวนอยู่รอบบ้านรอบเมือง การพูดเรื่องสิ่งเหล่านี้เป็นด้านวิชาการ พ่อพูดกับลูก แม่พูดกับลูกสาว เป็นเรื่องน่าเกลียด ลามก อนาจาร ในฐานะของความเป็นนักจิตวิทยา ในเรื่องนี้ถูกสั่งสอนมาตั้งแต่ในรูปทฤษฎีจิตวิเคราะห์ของฟรอยด์ ซิกมุนด์ ฟรอยด์ (Sigmund Freud) ท่านเป็นนายแพทย์ จิตแพทย์ และนักจิตวิทยาชาวออสเตรีย โดยมองถึงเรื่อง คนเกิดขึ้นมาจากอะไร มีแรงกระตุ้นจากอะไร ซึ่งแรงกระตุ้นเหล่านี้ มาจากทางปาก ทวารหนัก เวลาถ่ายออกความสุขอยู่ตรงไหน คนที่เกิดภาวะทางจิตมาก ๆ เรียกว่า ลักเพศหรือจิตเภท พวกนี้มีปัญหาทางด้านของอวัยวะเพศหรือมีความสุขทางด้านนั้นมากเกินไป น้อยเกินไป หรือเกินขีดจำกัด สิ่งเหล่านี้ควรเป็นเรื่องของทฤษฎี และวิชาการ ต้องนั่งคุยกัน ไม่ใช่ไประบายตามหน้าเซเว่น หรือสะพานลอย หรือไปถูชาวบ้านตามรถไฟฟ้าบีทีเอส ไม่สมควร ยกตัวอย่าง ถ้ามีลูกผู้ชาย ควรบอกลูกหรือไม่ว่า เวลาตื่นเช้ามาไม่รู้อะไรเปียก ๆ ไม่กล้าถามกลัวพ่อตบปาก เด็กจะรู้สึกเก็บกดและไปปรึกษาเพื่อนแทน ซึ่งเพื่อนก็คือวัยรุ่น การยับยั้งชั่งใจมีน้อย เพราะฉะนั้นสิ่งเหล่านี้ควรได้รับการพูดคุยกันในลักษณะของครอบครัว ลักษณะของเชิงวิชาการ ที่ครูสอนในด้านสุขการศึกษา แต่ไม่ใช่ว่า ให้พระสอนโยมนั่งสมาธิ แล้วบอกว่าเกิดความสุขทางเพศ คือเหมือนดาบสองคม 

          “ประเทศไทยพร้อมรึยังที่จะพูดคุยกันเรื่องของเพศสัมพันธ์กับบุคคลทั่วไป” การสร้างความเข้าใจในเรื่องนี้โดนปิดกั้น แต่เชื่อว่าใน YouTube หรือ เว็บไซต์ มีการอธิบายและเกิดประโยชน์ แต่เด็ก ๆ ด้วยความที่อยากรู้อยากเห็น คงไม่ดูที่เป็นวิชาการ เรื่องของเพศสัมพันธ์ เรื่องของวิชาการทางด้านความแตกต่าง เรื่องเหล่านี้ต้องทำความเข้าใจ ไม่ต้องศึกษาแต่ต้องทำความเข้าใจ เข้าใจเขา เข้าใจเรา ยกตัวอย่าง เพื่อนในรุ่นเดียวกัน  คนนี้สิวขึ้น คนนี้สิวไม่ขึ้น แค่ต้องทำความเข้าใจว่าเพราะ ไม่ทำความสะอาดหน้าตา ฮอร์โมนทางเพศมากกว่าปกติ เป็นต้น สิ่งเหล่านี้สามารถเรียนรู้ได้  เพราะคนสองคนฮอร์โมนทางเพศต่างกัน เพศต่างกัน หรือลักษณะของอวัยวะเพศต่างกัน ซึ่งธรรมชาติของมนุษย์และสัตว์ต่างกัน

          คนพิการมีข้อจำกัดบางอย่าง เช่น ข้อจำกัดทางสายตา ข้อจำกัดทางการได้ยิน ข้อจำกัดทางสติปัญหา และข้อจำกัดทางร่างกาย แต่สภาพร่างกายบางส่วนยังสามารถทำงานได้ปกติ ข่าวที่เคยออกว่า คนถูกละเมิดทางเพศ มีการเรียกร้องให้ประหารชีวิต ยกตัวอย่าง “เมื่อปีก่อนลุงคนนึงไปละเมิดทางเพศเด็กออทิสติก บอกว่าจ่ายเงินให้เป็นเด็กพิการ ไม่ใช่สินค้าที่จะซื้อได้ข้างทาง ไม่ใช่ผักเน่า ๆ ที่จะทำอะไรก็ได้ เพียงแค่จ่ายเงินแล้วจบ” สิ่งเหล่านี้ควรสอนให้เด็กรู้และป้องกันตัว ไม่ใช่ปิดบังไว้ พ่อแม่บางคนบอกว่า ลูกเป็นเด็กออทิสติกไม่มีใครทำอะไร ไม่ยอมพาไปไหน แต่ถ้ามีเหตุที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นภาระตกกับใคร เพราะสิ่งเหล่านั้นเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เป็นสิ่งที่ทุกคนควรทำความเข้าใจ คือ คนพิการ พิการแต่ส่วนที่เกิดข้อจำกัดเท่านั้น แต่ส่วนอื่น ๆ ยังทำงานได้ปกติ ต่อให้เป็นเด็กที่บกพร่องทางสติปัญญา บุคคลออทสิติก เป็นต้น ดังนั้นการเรียนการสอนหรือการเปิดอบรมควรเกิดขึ้นเร็วที่สุด ก่อนที่เด็กจะเกิดภาวะวัยรุ่นแตกเนื้อหนุ่ม เด็กหญิงมีประจำเดือนต้องมีการเรียนรู้

 

รายการรวมใจเป็นหนึ่ง ออกอากาศทุกวันเสาร์และวันอาทิตย์ เวลา 18.30-19.00 น. ทางสถานีวิทยุศึกษา FM 92 MHz หรือ www.moeradiothai.net

ภาพประกอบรายการวิทยุรวมใจเป็นหนึ่ง

แบบประเมินคุณภาพสื่อ สสพ.

คุณพอใจกับคุณภาพสื่อข้างต้นมากน้อยเพียงใด
  • พอใจมาก0
  • พอใจ0
  • ปานกลาง0
  • ไม่พอใจ0
  • ไม่พอใจมาก0
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก