เริ่มต้นจากพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม ปี 2560 อยากให้ท่านผู้อ่านได้ลองไปศึกษาเพิ่มเติม ความหมายแรกคือ เป็นบริษัทนิติบุคคล ถ้าจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายพาณิชย์ เป็นบริษัทที่มีผลงานส่งเสริมความเข้มแข็งของสังคม ความเชื่อมต่อของกลุ่มเปราะบาง เป็นการส่งเสริมอาชีพการจ้างงาน การนำรายได้ไปสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพชีวิตหรือสิ่งแวดล้อมหรือในเรื่องอื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมโดยรวม จะถือว่าบริษัทเหล่านี้เป็นบริษัทวิสาหกิจเพื่อสังคมที่กฎหมายให้การรับรอง แต่บริษัทจะต้องยื่นคำขอจดทะเบียน 2 ขั้นตอน โดยขั้นตอนแรกไปจดที่กระทรวงพาณิชย์เพื่อเป็นบริษัท หลังจากนั้นผ่านการทำงานแล้วอย่างน้อย 1 ปี แล้วส่งโปรไฟล์มาที่สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม อยู่ที่กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี หลังจากยื่นแล้วทางสำนักวิสาหกิจเพื่อสังคมแล้วก็จะตรวจว่าเงื่อนไขเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ถ้าครบองค์ประกอบ ดำเนินการธุรกิจอย่างน้อย 1 ปี ทำงานเพื่อสังคม มีแผนธุรกิจที่ชัดเจน ก็จะได้การรับรองออกเอกสารเป็นนิติบุคคลให้และเป็นการรับรององค์กรตามกฎหมาย
            กลุ่มที่สองเรียกว่ากิจการเพื่อสังคม หมายถึงตัวบุคคลธรรมดา ชมรม คณะบุคคล แต่กลุ่มนี้เป็นกลุ่มใหม่ที่ยังไม่ได้ไปจดทะเบียนกับกระทรวงพาณิชย์ แต่รวมตัวกัน มีกิจกรรมด้านอาชีพ แล้วมีส่วนหนึ่งกลับมาสู่กลุ่มเป้าหมายเพื่อสังคมหรือสิ่งแวดล้อม เช่น กลุ่มประมงพื้นบ้านรวมตัวกัน ทำกิจกรรมร่วมกัน ทำอาหารร่วมกัน และรวบรวมผลิตภัณฑ์ของชุมชนมาจำหน่ายแต่ไม่ได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แบบนี้เรียกว่ากิจการเพื่อสังคม สมมุติคนพิการปลูกเมล่อนในชุมชน เพื่อน ๆ มาช่วยกันปลูก ช่วยกันขาย ผลประโยชน์ส่วนหนึ่งมาแบ่งปันกันในกลุ่มและมาช่วยสังคมโดยแบ่งปันความรู้ให้กับคนพิการหรือชุมชน คืนประโยชน์ให้กับสังคม กลุ่มนี้ไม่ต้องจดทะเบียนแต่ต้องยื่นคำขอให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคมรับรอง หรือไม่ผ่านสำนักนี้แต่ผ่านกรมการพัฒนาชุมชน อำเภอ จังหวัด ก็สามารถรับรองให้ได้
            องค์กร S กับ E มันมีคำว่าโซเชียล เอ็นเตอร์ไพรส์คือธุรกิจ โซเชียลคือสังคม มูลนิธิทำธุรกิจไม่ได้เพราะกฎหมายห้าม ยกตัวอย่าง มูลนิธิ ก. จะจำหน่ายสินค้า สัมมากรบอกไม่ได้เพราะมูลนิธิเป็นองค์กรการกุศล คุณต้องขอรับบริจาคได้อย่างเดียว