การจ้างงานคนพิการภาครัฐในส่วนของพนักงานและเจ้าหน้าที่ต่าง ๆ ของ กทม. มีจำนวน หกหมื่นเก้าพันกว่าตำแหน่ง โดยในอัตราส่วนที่กฎหมายกำหนดสามารถจ้างได้ 600 - 700 คน แต่ในความเป็นจริงจ้างได้ 91 คน หลังจากเดือนกันยายน ผมจะเดินสายพบกับท่านปลัดกระทรวงต่าง ๆ ที่ไม่จ้างคนพิการทำงาน  แต่ต้องขอขอบคุณบางกระทรวงที่จ้างคนพิการครบ 100% เช่น กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงแรงงาน กระทรวงดิจิตอล กระทรวงคมนาคม เป็นต้น แต่ก็มีบางกระทรวงที่ไม่จ้าง เช่น กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข เป็นต้น ในช่วงโควิดที่ผ่านมาคนพิการตกงานไปประมาณสองพันกว่าคน มีไปขึ้นทะเบียนว่างงานจากประกันสังคมประมาณสองพันกว่าตำแหน่ง ต้องหางานมาชดเชยให้กับคนพิการและคนที่ยังไม่ได้งาน คิดว่าจะทำให้สำเร็จให้ได้ และ
          ล่าสุดได้เข้าไปพบท่านปลัดกระทรวงแรงงาน อยากให้ปรับสัดส่วนการจ้างงานคนพิการเฉพาะภาครัฐ ส่วนภาคเอกชนยังให้ 100/1 เหมือนเดิม ในส่วนภาครัฐให้เพิ่มอัตราเป็น 100/2 ไปเลยเพื่อคนพิการจะได้งานเพิ่มขึ้นมาอีก 14,000 กว่าตำแหน่งเพื่อให้มาชดเชยกับที่จ้างงาน และข้อเสนอเพิ่มถ้าจ้างในมาตรา 33 ในภาคเอกชน ให้ลดหย่อนภาษีได้ 3 เท่าไปเลย และใครที่จ้างในมาตรา 35 ลดหย่อนภาษีได้ 1 เท่า รวมถึงการป้องกันการทุจริตในส่วนของคนพิการด้วย โดยการให้ทางกระทรวงแรงงาน และกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (พก.) มีการติดตามเมื่อได้รับการจ้างงานในมาตรา 33 และมาตรา 35  ส่วนใหญ่จะตรวจในครั้งแรกครั้งเดียวในระหว่างทำงานไม่มีการตรวจสออบ อยากให้ลงไปติดตามและสำรวจ
          ได้ไปประท้วงที่หน้าทำเนียบรัฐบาล โดยได้เสนอเรื่องล็อตเตอรี่อยากให้เป็นอาชีพของคนพิการ เพราะคนพิการ2ล้านคนอย่างน้อย ๆ ให้ได้ครึ่งหนึ่งของสัดส่วนล็อตเตอรี่ในปัจจุบันแล้วจัดระบบให้ดี กลุ่มคนพิการคนไหนขายเกินราคาก็ให้ตัดโควตาไปเลย ยกตัวอย่าง โมเดลที่เคยทำคือได้รับมา 70.40 จากกองสลาก แล้วให้ส่วน 1% กับองค์กรคนพิการที่ไปรับ 2% ตรงนี้องค์กรสามารถอยู่ได้สบายเลย ไม่ต้องไปเบียดบังในส่วน 70.40 ของคนพิการ