ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

“พระราชประวัติและพระราชกรณียกิจ รัชกาลที่ 10”

บทสัมภาษณ์ : คุณเอกพงษ์ นพสกุล บรรยาย ออกอากาศ : วันเสาร์ที่ ๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ รายการรวมใจเป็นหนึ่ง

          พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ทรงพระราชสมภพ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2495 เวลา 17:45 น. ได้รับพระราชทานพระนามว่า สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ บรมจักรยาดิศรสันตติวงศ เทเวศรธำรงสุบริบาล อภิคุณูปการมหิตลาดุลเดช ภูมิพลนเรศวรางกูร กิตติสิริสมบูรณสวางควัฒน์ บรมขัตติยราชกุมาร เป็นพระราชโอรสพระองค์เดียวในพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ

          ต่อมาในวันที่ 14-15 กันยายน พ.ศ. 2495 พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดพระราชพิธีสมโภชเดือนและขึ้นพระอู่ขึ้น ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต โดยสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ทรงเป็นประธานเจริญพระพุทธมนต์ในเย็นวันที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2495 เช้าวันรุ่งขึ้น 15 กันยายน จึงมีพิธีสงฆ์และพิธีพราหมณ์ในห้องพิธี

          ขณะพระชนมายุครบ 20 พรรษา พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีการจัดพระราชพิธีสถาปนาสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ ขึ้นเป็นสยามมกุฎราชกุมาร เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2515 มีพระนามตามจารึกในพระสุพรรณบัฏว่า สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร สิริกิติยสมบูรณสวางควัฒน์ วรขัตติยราชสันตติวงศ์ มหิตลพงศอดุลยเดช จักรีนเรศยุพราชวิสุทธ สยามมกุฎราชกุมาร

เมื่อนิวัติประเทศไทยทรงรับราชการทหารแล้วทรงศึกษาต่อที่โรงเรียนเสนาธิการทหารบก รุ่นที่ 46 เมื่อ พ.ศ. 2520 ทรงเข้าศึกษาในสาขาวิชานิติศาสตร์ รุ่นที่ 2 มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช เมื่อ พ.ศ. 2525 ทรงสำเร็จการศึกษานิติศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยมอันดับ 2) และ พ.ศ. 2533 ทรงได้รับการศึกษา ณ วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรแห่งสหราชอาณาจักร

          พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระพระทัยศรัทธาจะอุปสมบทในพระพุทธศาสนา ผนวชในวันจันทร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2521 ระหว่างทรงพระผนวช ทรงศึกษาและปฏิบัติตามพระธรรมวินัยอย่างเคร่งคัด และยังได้เสด็จพระดำเนินแทนพระองค์ไปพระราชกรณียกิจในทางศาสนาเป็นประจำเสมอ อาทิ ทรงเปลี่ยนเครื่องทรงพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ตามฤดูกาล

          พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์มาโดยตลอด ด้านการทหาร ทรงเข้าร่วมปฏิบัติการรบในการต่อต้านการก่อการร้ายในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมทั้งการคุ้มกันพื้นที่ในบริเวณรอบค่ายผู้อพยพชาวกัมพูชา ที่เขาล้าน จ.ตราด อีกทั้งยังเสด็จพระราชดำเนินไปในพิธีการด้านทหาร อาทิ งานวันราชวัลลภ ทรงเข้ารับการฝึกหลักสูตรการบินเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไป ทรงฝึกการบินด้วยเครื่องบินขับไล่สมรรถนะสูง และหลักสูตรการบินรบชั้นสูง ที่สหรัฐอเมริกา รวม ๖ หลักสูตร

          ย้อนไปเมื่อวันที่ ๕ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๐ พระองค์ทรงทำการบินด้วยเครื่องบินโบอิ้ง 737-400 เที่ยวบิน ทีจี 8870 กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ เที่ยวบินพิเศษมหากุศล สายใยรักแห่งครอบครัว ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยและจัดหาอุปกรณ์ด้านการแพทย์สำหรับโรงพยาบาลใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ 

          ด้านการแพทย์และสาธารณสุข พระองค์ทรงตระหนักว่าสุขภาพพลานามัยอันดีของประชาชนเป็นปัจจัยสำคัญของการสร้างสรรค์ทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพ จึงทรงโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สร้างโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช 21 แห่งทั่วประเทศ เพื่อให้การรักษาพยาบาลผู้เจ็บป่วยในถิ่นทุรกันดาร โดยพระองค์ทรงเป็นนายกกิติมาศักดิ์ของมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ด้วยมีพระราชปณิธานให้เอาใจใส่รักษาพยาบาลพสกนิกร ให้ปลอดภัยจากความเจ็บไข้ ทั้งยังได้พระราชทานพระราชทรัพย์สนับสนุนอุปกรณ์การแพทย์ เครื่องมือเครื่องใช้ที่ทันสมัย เพื่อสามารถให้บริการที่ดีแก่ประชาชน 

          นอกจากนี้ยังพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์สมทบเป็นค่าก่อสร้างโรงเรียนมัธยมศึกษาในชนบทห่างไกล เพื่อส่งเสริมการศึกษาของเยาวชนที่ด้อยโอกาส โดยกระทรวงศึกษาธิการได้สนองพระราชดำริก่อตั้งโรงเรียนมัธยมศึกษาในถิ่นทุรกันดาน ๖ แห่ง ได้แก่ โรงเรียนมัธยมพัชรกิติยาภา จังหวัดนครพนม กำแพงเพชร สุราษฎร์ธานี โรงเรียนมัธยมสิริวัณวรี จังหวัดอุดรธานี สงขลา และฉะเชิงเทรา ได้เสด็จพระราชดำเนินทรงวางศิลาฤกษ์ และทรงรับโรงเรียนเหล่านี้ไว้ในพระราชูปถัมภ์ พร้อมพระราชทานวัสดุอุปกรณ์การศึกษาทันสมัย ทรงจัดตั้งเป็น “มูลนิธิทุนการศึกษาพระราชทาน สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร” และทรงเน้นย้ำว่า “เมื่อทำโครงการมาแล้ว จำเป็นต้องศึกษา ติดตาม และพัฒนาแผนในการช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง การทำงานที่ได้ผล ต้องศึกษาข้อมูล มีการปรับแผนให้ทันสมัย และมีความใส่ใจที่ทำงานต่อเนื่อง

 

รายการรวมใจเป็นหนึ่ง ออกอากาศทุกวันเสาร์และวันอาทิตย์ เวลา 18.30-19.00 น. ทางสถานีวิทยุศึกษา FM 92 MHz และ AM 1161 kHz

แบบประเมินคุณภาพสื่อ สสพ.

คุณพอใจกับคุณภาพสื่อข้างต้นมากน้อยเพียงใด
  • พอใจมาก0
  • พอใจ0
  • ปานกลาง0
  • ไม่พอใจ0
  • ไม่พอใจมาก0
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก