เทคโนโลยีอำนวยความสะดวกสำหรับเด็กแอลดี
วันนี้มีเรื่องเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกสำหรับเด็กแอลดีมาฝากกันค่ะ เหมาะสำหรับครูหรือผู้ปกครองเด็กแอลดีที่มีความรู้เรื่อง เทคโนโลยีอำนวยความสะดวก (Assistive Technology – AT) หรือที่เรียกง่ายๆ ว่า เอที ไม่มากนัก ข้อเขียนนี้แปลและเรียบเรียงมาจากบทความเรื่อง Assistive technology for kids with LD: An overview จากเว็บไซต์ www.greatschools.org เดิมเขียนโดย Schwab Learning ในโครงการของมูลนิธิ Charles and Helen Schwab Foundation ปรับปรุงเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2553 โดยทีมงาน GreatSchools ก็หลายปีมาแล้วเหมือนกัน แต่สาระยังคงมีประโยชน์อยู่ค่ะ
บทความเน้นว่า หากเรามีบุตรหลานที่มีปัญหาทางการเรียนรู้ เขาอาจได้รับประโยชน์จากเครื่องมือเอทีที่ช่วยเสริมจุดแข็งและลดทอนปัญหาจากความบกพร่องที่เป็นอยู่
เอทีมีไว้เพื่อช่วยให้บุคคลที่มีความบกพร่องด้านต่างๆ ทั้งที่มีปัญหาด้านสติปัญญาไปจนถึงความพิการทางกายภาพ แต่บทความนี้จะมุ่งเน้นเฉพาะเอทีสำหรับบุคคลที่มีปัญหาทางการเรียนรู้ (learning disabilities -LD) ที่มักเรียกกันว่า เด็กแอลดี
การใช้เทคโนโลยีเพื่อเสริมการเรียนรู้เป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพสำหรับเด็กจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กแอลดีมักจะประสบผลสำเร็จทางการเรียนมากขึ้น เมื่อพวกเขาได้ใช้เอทีเพื่อเสริมศักยภาพ (จุดแข็ง) และแก้ไขความบกพร่องของเขาได้ เครื่องมือเอทีจะผนวกสิ่งที่ดีที่สุดของทั้งสองส่วนรวมกัน
บทความนี้ประสงค์จะแนะนำผู้ปกครองถึงบทบาทของเอทีในการช่วยเหลือเด็กแอลดี ยิ่งเรามีความรู้เรื่องเอทีดีเท่าใด บุตรหลานของเราก็ยิ่งมีโอกาสประสบผลสำเร็จในโรงเรียน ในชีวิตประจำวัน และท้ายที่สุดใน ที่ทำงาน เพิ่มขึ้นเท่านั้น เราควรต้องเรียนรู้ถึงวิธีเลือกเครื่องมือเอทีที่พึ่งพาได้ และคัดสรรเทคโนโลยี ที่เหมาะสมกับความต้องการจำเป็น ความสามารถ และประสบการณ์เฉพาะบุคคลของเด็กด้วย
แล้วเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกสำหรับเด็กแอลดีคืออะไรล่ะ
เอทีสำหรับเด็กแอลดี หมายถึง อุปกรณ์ใดๆ ชิ้นส่วนของอุปกรณ์ หรือระบบ ที่จะช่วยหลีกเลี่ยง แก้ไข ข้อบกพร่อง หรือเสริมการเรียนรู้เฉพาะบุคคลของเด็กแต่ละคน โดยในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา มีการศึกษาวิจัยจำนวนมากที่แสดงให้เห็นประสิทธิภาพของเอทีสำหรับเด็กแอลดี (Collins, 1990; Elkind, 1993; Elkind, Black & Murray, 1996; Higgins & Raskind, 1995; Higgins & Raskind, 1997; MacArthur, 1993, 1998; MacArthur, Schwartz, & Graham, 1991; McNaughton, Hughes & Clark, 1997; Priumus, 1990; Raskind & Higgins, 1995; Raskind, Higgins & Herman, 1997) เอทีไม่ได้รักษาหรือขจัดปัญหาทางการเรียนรู้ให้หมดสิ้นไป แต่สามารถช่วยให้เด็กเข้าถึงศักยภาพของตน เพราะมันช่วยเสริมจุดแข็งและหลีกเลี่ยงความบกพร่องของเด็กได้ ตัวอย่างเช่น เด็กที่มีปัญหาด้านการอ่าน แต่มีทักษะการฟังที่ดี ก็อาจได้รับประโยชน์จากการฟังหนังสือเสียงแทน
โดยทั่วไปแล้ว เอทีจะช่วยทดแทนความบกพร่องในทักษะต่างๆ หรือส่วนที่บกพร่องของนักเรียน แต่สิ่งที่ควรคำนึงถึงอย่างยิ่งคือ การใช้เอทีไม่ได้หมายความว่าเด็กไม่สามารถรับการสอนซ่อมเสริมเพื่อบรรเทาข้อบกพร่องได้อีก ตัวอย่างเช่น ซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาเพื่อพัฒนาทักษะการออกเสียงที่บกพร่อง นักเรียนสามารถใช้ซอฟต์แวร์แก้ไขการอ่านนี้ควบคู่กับการฟังหนังสือเสียงได้ จริงๆ แล้ว มีงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่า เอทีสามารถพัฒนาความบกพร่องด้านทักษะบางอย่างได้ เช่น การอ่านและการสะกดคำ เป็นต้น (Higgins & Raskind, 2000; Raskind & Higgins, 1999)
เอทีสามารถช่วยให้เด็กพึ่งพาตนเองได้และรู้สึกเป็นอิสระมากขึ้น เด็กที่ต้องต่อสู้กับปัญหาทางการเรียนในโรงเรียนมากเกินไปก็มักจะต้องพึ่งพาพ่อแม่ พี่น้อง เพื่อน ครู ให้ช่วยทำการบ้านหรือทำงานส่งครู แต่เมื่อใช้ เอทีแล้ว เด็กๆ ก็จะเรียนหรือทำงานสำเร็จลุล่วงได้อย่างอิสระด้วยตัวเอง
มาถึงคำถามว่า เทคโนโลยีอำนวยความสะดวกแบบไหนเหมาะสำหรับปัญหาทางการเรียนรู้ด้านใด?
เอทีสามารถใช้กับผู้ที่มีปัญหาทางการเรียนรู้หลายแบบ นักเรียนที่มีปัญหาด้านการเขียนสามารถเขียนรายงานได้ โดยพูดใส่เอทีแล้วเอทีก็จะแปลงเป็นข้อความด้วยซอฟต์แวร์พิเศษ เด็กที่มีปัญหาด้านคณิตศาสตร์สามารถใช้เครื่องคิดเลขมือถือเพื่อคิดคะแนนในขณะที่เล่นเกมกับเพื่อนได้ หรือคนวัยทำงานที่มีปัญหาด้านการอ่าน ก็อาจใช้เอทีในการอ่านออกเสียงคู่มือการฝึกอบรมออนไลน์ของนายจ้างได้ สรุปคือทุกวันนี้มีเครื่องมือเอทีมากมายที่จะช่วยเด็กแอลดีฟันฝ่ากับปัญหาด้านการฟัง คณิตศาสตร์ ความจำ การอ่านหรือการเขียนได้
เครื่องมือเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกที่มีให้ใช้แล้วมีอะไรบ้าง
คนทั่วไป มักเอาคำว่า "เทคโนโลยีอำนวยความสะดวก" ไปผูกติดกับพวกคอมพิวเตอร์ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหลาย ซึ่งจริงๆ แล้ว เอทีอาจเป็นอุปกรณ์รูปแบบง่ายๆ ก็ได้ ในปัจจุบัน มีเครื่องมือเอทีหลายแบบวางขายบนอินเทอร์เน็ตแล้ว ตัวอย่างเอทีสำหรับเด็กแอลดี เช่น
เครื่องขยายคำย่อ (Abbreviation expanders)
แป้นพิมพ์ทางเลือก (Alternative keyboards)
หนังสือและสิ่งพิมพ์เสียง (Audio books and publications)
ใบงานคณิตศาสตร์อิเล็กทรอนิกส์ (Electronic math work sheets)
โปรแกรมฐานข้อมูลรูปแบบอิสระ (Freeform database software)
โปรแกรมจัดการข้อมูล (Information/data managers)
โปรแกรมรู้จำอักษร (Optical character recognition - OCR)
ชุดเครื่องช่วยฟังระบบเอฟเอ็มส่วนบุคคล (Personal FM listening systems)
เครื่องประมวลผลคำแบบกระเป๋าหิ้ว (Portable word processors)
โปรแกรมพิสูจน์อักษร (Proofreading programs)
โปรแกรมรู้จำคำพูด (Speech-recognition programs)
โปรแกรมสังเคราะห์เสียง/อ่านหน้าจอ (Speech synthesizers/screen readers)
เครื่องคิดเลขมีเสียง (Talking calculators)
โปรแกรมเสียงตรวจคำผิดและพจนานุกรมอิเล็กทรอนิกส์ (Talking spell checkers and electronic dictionaries)
เครื่องบันทึกเสียงตามความเร็ว (Variable-speed tape recorders)
โปรแกรมเดาคำศัพท์ (Word-prediction programs)
ในการประเมินผลิตภัณฑ์เอทีเพื่อเลือกใช้ให้เหมาะกับเด็ก คุณจำเป็นต้องพิจารณาปัจจัยหลายอย่าง สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้คือ ข้อมูลรายละเอียดของเด็กนั่นเอง เช่น
ความต้องการจำเป็นเฉพาะและความบกพร่องของลูกคืออะไร? ลูกมีปัญหาทางการเรียนรู้ทักษะวิชาการด้านใด?
จุดแข็งของลูกคืออะไร? เอทีควรดึงศักยภาพของเด็กมาช่วยทดแทนความบกพร่องที่เป็นอยู่
ความสนใจ ทักษะ และประสบการณ์การใช้เทคโนโลยีของลูกเป็นอย่างไร? ลูกจะใช้เครื่องมือเอทีในสถานที่และสถานการณ์ใดบ้าง? ทั้งนี้ เอทีสามารถช่วยเด็กแอลดีให้เรียน/ทำงานได้ดีขึ้น ทั้งที่โรงเรียนและสถานที่อื่นๆ เช่น บ้าน ที่ทำงาน ในงานสังคม และกิจกรรมนันทนาการต่างๆ
นอกจากเอทีเฉพาะเด็กแอลดีแล้ว ยังมีเครื่องมือเทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู้อื่นๆ ที่ออกแบบเพื่อช่วยพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสำหรับเด็กทุกคน ซึ่งเด็กแอลดีก็ใช้ได้ด้วย เทคโนโลยีเหล่านี้อาจแตกต่างจากเอทีเล็กน้อย แต่ก็เป็นประโยชน์เช่นกัน เช่น
ซอฟต์แวร์ช่วยสอน ใช้สอนทักษะเฉพาะทางวิชาการ เช่น การอ่านและการเขียน หรือเนื้อหาสาระต่างๆ เช่น ประวัติศาสตร์และวิทยาศาสตร์ เป็นต้น ซอฟต์แวร์เหล่านี้แตกต่างจากเอทีตรงที่ผลิตขึ้นเพื่อเสริม การเรียนการสอนมากกว่าช่วยอำนวยความสะดวกในการเรียนรู้ของเด็กแอลดี
การออกแบบสากลเพื่อการเรียนรู้ (Universal Design for Learning - UDL) เป็นปรัชญาที่ครอบคลุมรูปแบบ วิธีการ และผลิตภัณฑ์เพื่อการเรียนรู้ เพื่อเพิ่มประสบการณ์ทางการเรียนรู้แก่ผู้เรียน หลากหลายกลุ่ม (ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่มีปัญหาทางการเรียนรู้หรือไม่ก็ตาม) บนแนวคิดดังกล่าวนี้ เอทีจึงมักสร้างให้เป็นวัสดุอุปกรณ์ทางการศึกษา และสามารถปรับใช้เพื่อช่วยให้ผู้เรียนที่มีความบกพร่องหลายประเภทประสบความสำเร็จในการศึกษาทั่วไปได้
อ้างอิงโดยผู้เขียน
1. Multiple studies: Collins, 1990; Elkind, 1993; Elkind, Black & Murray, 1996; Higgins & Raskind, 1995; Higgins & Raskind, 1997; MacArthur, 1993, 1998; MacArthur, Schwartz, & Graham, 1991; McNaughton, Hughes & Clark, 1997; Priumus, 1990; Raskind & Higgins, 1995; Raskind, Higgins & Herman, 1997.
2. Higgins, E. L. & Raskind, M. H. (2000). Speaking to Read: The Effects of Continuous vs. Discrete Speech Recognition Systems on the Reading and Spelling of Children With Learning Disabilities. Journal of Special Education Technology, 15 (1), 19-30.
3. Raskind, M. H. & Higgins, E. L. (1999). Speaking to Read: The Effects of Speech Recognition Technology on the Reading and Spelling Performance of Children With Learning Disabilities. Annals of Dyslexia, 49, 251-281.
ส่วนสื่อการศึกษาเพื่อคนพิการ ศูนย์เทคโนโลยีทางการศึกษา
แปลและเรียบเรียงจาก
Assistive technology for kids with LD: An overview
เขียนโดย Schwab Learning, Charles and Helen Schwab Foundation
ปรับปรุงโดย GreatSchools Staff กุมภาพันธ์ 2553