ขณะนี้คุณอยู่ที่ ›

คำถาม: คำตอบ ฉันเป็นดิสเลคเซีย หมายความว่าอย่างไร 20/01/2011

โดย ลีอาน่า ไฮติน (2009)

เมื่อลูกสาววัย 5 ขวบของเธอเริ่มดิ้นรนกับการจดจำตัวอักษร การสัมผัสเสียงและคำที่มองเห็น เช็ลลี่ บอลล์-แดนเนนเบิร์ก ผู้มีประสบการณ์เป็นครู สงสัยว่า มันเป็นความบกพร่องทางด้านการอ่าน นั่นกลายเป็นเรื่องที่ถูกต้อง บอลล์-แดนเนนเบิร์ก ยึดถือตนเองที่จะเป็นผู้ส่งเสริมที่ดีที่สุดให้กับลูกสาวของเธอ และเริ่มต้นโดยเดินทางจากโอไฮโอไปแคลิฟอร์เนียเพื่อศึกษาระดับปริญญาตรีใน การตรวจวินิจฉัยอาการดิสเลกเซีย

สี่ปีต่อมา เดลานี่ ลูกสาวของเธอก็ได้รับการตรวจวินิจฉัยที่เป็นทางการ ได้รับการสอนพิเศษแบบส่วนตัวและรักโรงเรียน บอลล์-แดนเนนเบิร์กตั้งบริษัทส่วนตัวซึ่งเสนอการตรวจวินิจฉัยอาการดิสเลก เซีย (บกพร่องทางการอ่าน) และสอนพิเศษส่วนตัวโดยใช้กระบวนการวิจัย เธอเป็นสมาชิกของสมาคมดิสเลกเซียนานาชาติและออกพูดต่อสาธารณชนให้ระลึกรู้ เรื่องดิสเลกเซียมากขึ้น

ในหนังสือของเธอ “ฉันเป็นดิสเลกเซีย หมายความว่าอย่างไร” บอลล์-แดนเนนเบิร์กอธิบายถึงการบกพร่องทางการเรียนรู้ว่าเป็นอย่างไรผ่านทาง สายตาของลูกสาวของเธอ
ต่อไปนี้คือบทสัมภาษณ์ที่ LD Online สัมภาษณ์เธอเกี่ยวกับหนังสือที่เธอเขียนถึงลูกสาวและสิ่งที่เธอคิดว่า ทุกๆคนควรจะเข้าใจเกี่ยวกับดิสเลกเซีย

ทำไมคุณตัดสินใจเขียนหนังสือเล่มนี้

ฉัน เขียนหนังสือเล่มนี้ด้วยความพยายามที่จะยกระดับการรับรู้เกี่ยวกับดิสเลก เซียและให้เป็นเครื่องมือการสอนแก่คุณพ่อคุณแม่และคุณครูได้พูดคุยเรื่องการ บกพร่องทางการอ่าน (dyslexia) กับเด็กๆ ของเขา หลังจากเดลานี่ ลูกสาวของฉันได้รับการตรวจวินิจฉัยเกี่ยวกับดิสเลกเซียแล้ว ฉันต้องการสามารถจะพูดคุยกับเธอ คุณครู เพื่อนร่วมชั้นเรียนของเธอ และแม้แต่ผู้สอนส่วนตัวของเธอว่า เกิดอะไรขึ้นกับการเรียนของเธอ

ฉัน ค้นหาหนังสือเด็กที่เหมาะสมสำหรับระดับการอ่านและอายุของเดลานี่ ปรากฎว่า ฉันพบหนังสือแสนวิเศษมากมายที่เขียนสำหรับคุณพ่อคุณแม่และเด็กที่โตๆ แล้ว ไม่มีเลยที่เกี่ยวกับเด็กเล็กในโรงเรียนประถม ดังนั้นหนังสือนี้จึงเขียนขึ้นด้วยความจำเป็นสำหรับเป็นเครื่องมือที่เหมาะ สมกับอายุ ที่จะถกเถียงเรื่องดิสเลกเซียกับเด็กๆ ที่ยังเยาว์วัย
คุณร่วมมือกับเดลานี่มากน้อยแค่ไหน กระบวนการที่สร้างสรรค์นั้นเป็นอย่างไร

เมื่อ เดลานี่รู้สึกคุ้นเคยกับอาการบกพร่องทางการเรียนรู้ของเธอมากขึ้น ฉันอยากจะได้ยินเธออธิบายอาการดิสเลกเซียของเธอให้กับคนอื่นๆ ในชีวิตของเธอ ฉันเริ่มต้นเขียนในสิ่งที่เธอบอกพวกเขาและดิสเลกเซียทำให้เธอรู้สึกอย่างไร ถ้อยคำในหนังสือเป็นของเดลานี่จริงๆ จริงๆ แล้วการเขียนหนังสือเป็นเรื่องง่ายและเป็นธรรมชาติ มันเป็นเรื่องราวจริงๆ ของชีวิตเธอในฐานะเป็นเด็กที่บกพร่องทางการอ่าน (dyslexia)

ใครคือกลุ่มเป้าหมายที่แท้จริงของคุณ คุณคิดว่า หนังสือนี้ควรใช้อย่างไร

ฉัน หวังจริงๆ ว่า หนังสือเล่มนี้จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่ของเด็กที่เป็นดิสเลกเซียได้พูดคุย เรื่องดิสเลกเซียกับครอบครัวของเขา มันเป็นความจำเป็นที่เด็กจะได้รับการตรวจวินิจฉัยอาการดิสเลกเซียแล้วมีความ เข้าใจว่า เขาจะเรียนอย่างไร และทำไมพวกเขาอาจจะต้องดิ้นรนกับเรื่องต่างๆ นอกจากนี้ ยังเป็นเรื่องสำคัญสำหรับเด็กๆ ดิกเลกเซียที่จะรู้ว่า พวกเขาไม่ได้โง่และตระหนักว่า ด้วยการสอนส่วนตัวและการส่งเสริมในโรงเรียน ทำให้พวกเขาประสบความสำเร็จได้

ฉันหวังด้วยเหมือนกันว่า คุณครูจะอ่านหนังสือเล่มนี้สู่นักเรียนของเขา ทั้งนี้ด้วยความพยายามจะสร้างการยอมรับในชั้นเรียนสำหรับผู้เรียนทุกคน เพื่อนร่วมชั้นเรียนของเด็กดิสเลกเซียสามารถให้การช่วยเหลือและการสนับสนุน เพื่อนของเขาซึ่งอาจจะกำลังดิ้นรนอยู่ ทันทีที่เด็กๆ รับรู้ถึงความบกพร่องชนิดนี้ พวกเขาก็จะยอมรับมากขึ้นและเข้าใจถึงความแตกต่าง

มีรายละเอียดมาก เท่าไรที่เกี่ยวกับเดลานี่จริงๆ เธอสร้างสิ่งประดิษฐ์ที่เรียกว่า “ที่ลากต้นไม้” เพื่อช่วยงานคุณที่สนามหญ้าจริงๆ หรือ

รายละเอียด ทั้งหมดในหนังสือเล่มนี้เป็นเรื่องของเดลานี่จริงๆ ค่ะ เธอเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ มีไหวพริบ และใส่ใจในความรู้สึกของคนอื่นอย่างมาก วันหนึ่งฉันกำลังทำงานปลูกต้นไม้ใส่กระถางใบใหญ่อยู่ในสนามหญ้า ฉันกำลังลำบากมากกับการเคลื่อนย้ายกระถางใบหนักจากหน้าสนามไปยังสนามด้าน หลัง สิ่งที่ฉันรู้ต่อมาคือ เดลานี่ปรากฎตัวขึ้นที่โรงรถพร้อมด้วย “ที่ลากต้นไม้” ซึ่งเธอประกอบขึ้นโดยการใช้แผ่นไม้มาเชื่อมกับมือถือจักรยานคันเก่า เป็นเรื่องเฉลียวฉลาดมาก และมันใช้งานได้ดีด้วย

ความคิดสร้างสรรค์ ความสามารถทางศิลปะ การใส่ใจในความรู้สึกและความสามารถทางกีฬามักจะเป็นจุดแข็งสำหรับเด็กดิสเลก เซีย เราพยายามที่จะสนับสนุนจุดแข็งเหล่านี้และเสนอโอกาสให้เดลานี่ประสบความ สำเร็จในสิ่งเหล่านี้ ดังนั้น เราไม่ได้โฟกัสแต่จุดอ่อนของเธอในการอ่าน การเขียนและการสะกดเสมอไป

หนังสือเริ่มต้นด้วย “ชื่อของฉันคือ เดลานี่ ฉันเป็นดิสเลกเซีย” ทำไมคุณจึงตัดสินใจเล่าเรื่องราวโดยผ่านทางสายตาของเดลานี่

ฉัน รู้สึกว่าการบอกเล่าเรื่องรางโดยผ่านทางสายตาของเดลานี่จะช่วยให้ปากเสียง กับเด็กๆ ดิสเลกเซียคนอื่นๆ เกี่ยวกับความบกพร่องของพวกเขา เราตระหนักว่า ยิ่งเราเปิดเผยและจริงใจกับเดลานี่เกี่ยวกับความแตกต่างในการเรียนรู้ของเธอ มากเท่าไร เธอจะยิ่งรู้สึกสบายใจกับตัวเองมากขึ้นเท่านั้น เธอไม่รู้สึกยุ่งยากใจที่จะขอร้องใครให้บอกทิศทางให้เธอ หรือเธอจะให้คุณครูรู้ว่าเธอมีแผนเรื่องการชดเชยในการเรียน และต้องการเวลามากขึ้นสำหรับงานต่างๆ

ด้วยการรับรู้ถึงจุดแข็งและ จุดอ่อนในการเรียนทำให้เธอมีความภูมิใจในตนเอง และฉันหวังว่า เรื่องราวของเดลานี่จะช่วยให้เด็กคนอื่นๆ ที่เป็นดิสเลกเซียตระหนักว่า พวกเขามีคุณค่าด้วยเหมือนกัน ไม่ใช่เรื่องน่าอายที่มีความแตกต่างในการเรียนรู้

คุณหวังว่า เด็กดิสเลกเซียคนอื่นๆ จะเรียนรู้อะไรจากหนังสือนี้ รวมทั้งคุณพ่อคุณแม่และคุณครู

หลัง จากอ่านหนังสือเล่มนี้ ฉันหวังว่า เด็กๆ ที่ได้รับการตรวจวินิจฉัยอาการดิสเลกซียจะเข้าใจว่า พวกเขาไม่ได้อยู่ตามลำพัง และไม่ได้โง่ หวังว่า เด็กๆ ดิสเลกเซียจะมีปากเสียงมากขึ้นและสามารถที่จะช่วยตนเองและพูดเพื่อตนเองได้ เมื่อพวกเขาสับสนและต้องการความช่วยเหลือ อาการดิสเลกเซียเป็นเรื่องสืบทอดในครอบครัว บ่อยครั้งทีเดียวที่มีคุณพ่อคุณแม่ คุณปู่คุณย่าหรือแม้แต่พี่น้องซึ่งกำลังดิ้นรนเรียนรู้ที่จะอ่านอยู่เหมือน กัน ตามปกติเด็กๆ ที่เป็นดิสเลกเซียมีไอคิวระดับปกติหรือเหนือกว่าปกติ ไม่มีอะไรผิดกับความสามารถในการรับรู้ ฉันยังต้องการให้เด็กซึ่งได้รับการวินิจฉัยแล้วตระหนักว่า ขณะอยู่ที่โรงเรียนนั้นอาจจะลำบาก แต่ถ้ามีการสอนส่วนตัวและมีการชดเชยในห้องเรียนที่เหมาะสม พวกเขาก็สามารถประสบความสำเร็จได้

ฉันหวังว่า คุณพ่อคุณแม่จะได้รับความเข้าใจว่า ชีวิตของเด็กดิสเลกเซียเป็นอย่างไร เวลาทำการบ้านและเวลาเรียนเป็นเรื่องทรมานทีเดียวสำหรับเขา ดังนั้นฉันต้องเตือนตัวเองว่า เดลานี่ต้องการเวลาพิเศษที่จะคิดจริงๆ หรือมีอะไรให้อ่านดังๆ หรือคัดลอกให้เธอ และที่เป็นอย่างนั้น เธอไม่ได้ขี้เกียจหรือขาดแรงจูงใจ เธอมีความบกพร่องทางการเรียนรู้ที่เกี่ยวพันกับระบบประสาท

ผู้เล่า เรื่องในหนังสือบรรยายถึงเวลาทำการบ้านว่าเป็น “เรื่องที่เลวร้ายที่สุดของวัน” เธอเล่าว่า “เปรียบเทียบกับเพื่อนของฉันแล้ว มันดูเหมือนจะตลอดกาลทีเดียวที่จะทำการบ้านให้เสร็จ แม่ของฉันคงพยายามจะช่วยแต่ฉันก็จะคับข้องใจและรู้สึกโกรธเธอ” นี่เป็นเรื่องที่นักเรียนที่มีความบกพร่องกับคุณพ่อคุณแม่ของเขาส่วนมากจะ ดิ้นรนเป็นประจำทุกคืนทีเดียว ครอบครัวของคุณทำอย่างไรที่จะทำให้เวลาของการบ้านเป็นเรื่องอดทนได้มากขึ้น

เมื่อ สิ้นสุดของวัน เดลานี่ได้ทำงานหนักมากที่โรงเรียนจนกระทั่งการบ้านเป็นสิ่งสุดท้ายสิ่ง เดียวที่เธออยากจะทำ ฉันมีการติดต่อกับคุณครูของเธออย่างสม่ำเสมอ เราตกลงกันว่า สำหรับเดลานี่แล้วการบ้านสามารถจะปรับเปลี่ยนได้ เธอยังรับผิดชอบการบ้าน บางทีเธอก็แก้ปัญหาสองสามอย่างได้สมบูรณ์ หรือฉันคัดลอกให้เธอ หรือไม่เราก็อ่านหนังสือด้วยกันเป็นทีม

เรายัง มีพื้นที่เงียบปราศจากสิ่งรบกวนเพื่อทำการบ้านให้เสร็จ เรามีช่วงพักเล็กๆ หลายครั้ง และฉันทำให้แน่ใจว่าเธอได้กินอะไรบ้าง เรายังมีวันที่ยุ่งยาก แต่ด้วยการชดเชยเหล่านั้นที่เข้าที่เข้าทางและการสนับสนุนจากคุณครูของเธอ เราผ่านมันไปได้

หนังสือเล่มนี้เปิดเผยมาก เดลานี่มีความเข้าใจเกี่ยวกับการบอกเล่าเรื่องของเธออย่างตรงไปตรงมากับ สาธารณะไหม คุณรู้สึกกังวลกับเรื่องนี้ไหม

หนังสือเรื่องนี้เป็นการ แสดงภาพที่จริงใจของชีวิตเดลานี่ซึ่งเป็นดิสเลกเซีย เราคุยถึงความสำคัญของการพูดคุยเกี่ยวกับมัน เพื่อที่จะสามารถช่วยเด็กคนอื่นๆ คุณพ่อคุณแม่และคุณครู เธอมีเสียงเกี่ยวกับมันแล้วและเธอมีความเชื่อมั่นเพียงพอที่จะพูดกับคนอื่น เกี่ยวกับดิสเลกเซีย ความหวังของเราคือว่า การเปิดเผยเกี่ยวกับดิสเลกเซียจะช่วยยกระดับการรับรู้
 

แปลและเรียบเรียงจาก Q&A: I Have Dyslexia. What Does That Mean? ของ Liana Heitin (2009)
โดย พรรษชล ศรีอิสราพร

ภาพประกอบบทความหน้าต่าง LD

แบบประเมินคุณภาพสื่อ สสพ.

คุณพอใจกับคุณภาพสื่อข้างต้นมากน้อยเพียงใด
  • พอใจมาก0
  • พอใจ0
  • ปานกลาง0
  • ไม่พอใจ0
  • ไม่พอใจมาก0
^ กลับสู่เนื้อหาหลัก